บ้านปู ชี้ความต้องการพลังงานสูง ปรับพอร์ตธุรกิจ รับนโยบายสหรัฐ

บ้านปู ชี้ความต้องการพลังงานสูง ปรับพอร์ตธุรกิจ รับนโยบายสหรัฐ

“บ้านปู” จับตานโยบาย “ทรัมป์” ปรับพอร์ตลงทุนทุ่ม 500 ล้านดอลลาร์ ขับเคลื่อนกลยุทธ์ Energy Symphonics เพิ่มกำลังผลิตการไฟฟ้าอีก 1,500 เมกะวัตต์ รองรับดาต้าเซ็นเตอร์โต

KEY

POINTS

  • บ้านปูลงทุนกลุ่มธุรกิจก๊าซ กำลังผลิต 830 ล้านลูกบาศก์ฟุตเทียบเท่าก๊าซธรรมชาติต่อวัน และมีปริมาณก๊าซสำรอง 5.2 ล้

สหรัฐเป็นพื้นที่ลงทุนสำคัญของบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) โดยปัจจุบันมีการลงทุนกลุ่มธุรกิจก๊าซ กำลังการผลิต 830 ล้านลูกบาศก์ฟุตเทียบเท่าก๊าซธรรมชาติต่อวัน และมีปริมาณก๊าซสำรอง 5.2 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุตเทียบเท่าก๊าซธรรมชาติ รวมทั้งลงทุนธุรกิตไฟฟ้า กำลังการผลิต 1,525 เมกะวัตต์เทียบเท่า

การเข้าไปทำธุรกิจพลังงานในสหรัฐทำให้บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ต้องติดตามนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ อย่างใกล้ชิด

นายสินนท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า นโยบายประธานาธิบดีสหรัฐที่อยากแก้ไขพลังงานโลก มองว่าธุรกิจบ้านปูในสหรัฐและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังมีโอกาส เพราะบ้านปูอยู่ในฐานะผู้ให้บริการพลังงานดั่งเดิม ดังนั้น สิ่งสำคัญจะต้องดูผลกระทบจากนโยบายใกล้ชิด 

“จากทิศทางการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะ Data Center ที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลจะช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจบ้านปูเติบโตได้ดีมากขึ้น ซึ่งทิศทางความต้องการใช้โดยเฉพาะสหรัฐก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน”

อย่างไรก็ตาม บ้านปูได้ประเมินกระแสการเปลี่ยนแปลงที่มีผลต่อทิศทางด้านพลังงานของโลกอย่างรอบด้าน รวมถึงนโยบายและแผนพลังงานในประเทศยุทธศาสตร์ ในปี 2567 มุ่งเน้นการจัดสรรเงินทุนไปยังสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงและการปรับโครงสร้างอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนอย่างสมดุลที่สนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืน

ตั้งงบลงทุนปี 68 กว่า 500 ล้านดอลลาร์

นายสินนท์ กล่าวว่า แผนการดำเนินงานปี 2568 คาดว่ารายได้จะเติบโตดีกว่าปี 2567 หรืออาจทำได้เท่ากัน แต่คาดหวังพลิกกลับมาเป็นกำไรหลังจากปี 2567 เกิดผลขาดทุนกว่า 680 ล้านบาท ซึ่งมาจากการเติบโตของทุกธุรกิจและจะไม่ตั้งด้อยค่าสินทรัพย์อีก พร้อมตั้งงบลงทุน 500 ล้านดอลลาร์ แบ่งเป็น 60% ลงทุนในธุรกิจก๊าซและไฟฟ้า 20% พลังงานหมุนเวียน และอีก 20% เป็นธุรกิจเหมืองแร่ใหม่ 

“บริษัทยังมองหาโอกาสลงทุนเหมืองแร่แห่งใหม่นอกเหนือจากเหมืองถ่านหิน โดยโฟกัสเหมืองแร่นิกเกิลในอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นแร่สำหรับพลังงานสะอาดทั้งหมด หลังจากดีมานด์และซัพพลายสมดุล และราคานิกเกิลปรับตัวลดลงแล้ว บริษัทจึงเล็งเห็นว่าเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าลงทุน”

ส่วนธุรกิจเหมืองแร่ถ่านหินในปี 2568 จะมีผลผลิตเพิ่มขึ้นในเหมืองที่อินโดนีเซียและออสเตรเลีย ขณะที่เหมืองในจีนยังทรงตัว โดยคาดว่ายอดขายถ่านหินปีนี้จะอยู่ 45 ล้านตัน ขณะที่ตั้งเป้าลดต้นทุนถ่านหินให้ได้ 1.5 ดอลลาร์ต่อตัน ผ่านการนำเทคโนโลยี AI เข้ามาปรับใช้ ขณะที่ทิศทางไตรมาส 1 ปี 2568 ราคาถ่านหินลดลงเนื่องจากมีการสต๊อกถ่านหิน แต่คาดว่าจะดีขึ้นในไตรมาส 2 ปี 2568

ยันจัดสรรงบลงทุนอย่างเหมาะสม

“เราประเมินกระแสการเปลี่ยนแปลงที่มีผลต่อทิศทางด้านพลังงานของโลกอย่างรอบด้าน รวมถึงนโยบายและแผนพลังงานในประเทศยุทธศาสตร์ ซึ่งงบลงทุนปี 2568 จะเดินหน้าแต่ละธุรกิจเรือธงของบริษัทฯ ให้ความสำคัญต่อการดำเนินตามแผน โดยธุรกิจก๊าซธรรมชาติจะสร้างการเติบโตเชิงกลยุทธ์ทั้งธุรกิจต้นน้ำและกลางน้ำ โดยจัดสรรเงินลงทุนอย่างเหมาะสมตามสถานการณ์ราคาก๊าซ ด้านธุรกิจเหมือง มุ่งผสาน AI และเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดคาร์บอนผ่านการใช้พลังงานหมุนเวียนและระบบการจัดการอัจฉริยะ"

ในขณะที่ธุรกิจไฟฟ้า ตั้งเป้าลงทุนโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติเพิ่มเติมอีก 1,500 เมกะวัตต์ โดยเฉพาะในประเทศยุทธศาสตร์ และธุรกิจพลังงานหมุนเวียนและเทคโนโลยีพลังงาน เน้นลงทุนเชิงกลยุทธ์ที่จะเสริมการทำงานระหว่างระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (BESS) และซอฟต์แวร์ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เพื่อสนับสนุนให้พลังงานหมุนเวียนมีความต่อเนื่องยิ่งขึ้น รวมถึงปริมาณการเพิ่มขึ้นของ Data Center

ขับเคลื่อน 4 กลยุทธ์ดันธุรกิจโต

ทั้งนี้ บ้านปูขับเคลื่อนกลยุทธ์ด้วยพลังบ้านปู “Energy Symphonics in Action”ตอกย้ำความพร้อมรับมือเทรนด์โลก เน้นสร้างกระแสเงินสด สร้างโอกาสเติบโตในแต่ละกลุ่มธุรกิจในปี 2568 มุ่งขับเคลื่อนกลยุทธ์ Energy Symphonics ด้วย 4 แนวทางในการดำเนินธุรกิจประกอบด้วย

1.การดำเนินงานและบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ที่ช่วยเพิ่มกระแสเงินสดและมูลค่าของธุรกิจ เช่น การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและ AI และการลดต้นทุนในธุรกิจเหมือง

2.การบริหารโครงสร้างเงินทุนอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมรักษาระดับหนี้และทุนให้อยู่ในระดับเหมาะสมกับการเติบโตและผลประกอบการที่ดี

3.การบริหารพอร์ตโฟลิโอเชิงกลยุทธ์ โดยเน้นการลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนที่ดีที่จะมาสร้างคุณค่าให้บริษัทฯ ในระยะยาว เช่น การสร้างการเติบโตของธุรกิจที่ครอบคลุมห่วงโซ่คุณค่าของก๊าซธรรมชาติในสหรัฐ

4.การบริหารจัดสรรเงินทุนอย่างมีวินัย เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัทฯ และผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้น

รับปี 67 ขาดทุนกว่า 682 ล้านบาท 

สำหรับผลประกอบการปี 2567 บริษัทฯ รายงานรายได้จากการขายรวม 5,148 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 181,549 ล้านบาท) กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) รวม 1,330 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ46,970ล้านบาท) กำไรจากการดำเนินงาน 83.3 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2,964 ล้านบาท)

และผลขาดทุนสุทธิ 23.67 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 682.42 ล้านบาท) ซึ่งเป็นผลกระทบจากการด้อยค่าเงินลงทุนจากการขายสัดส่วนการลงทุนโรงไฟฟ้านาโกโซ ในประเทศญี่ปุ่น และการขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับเงินบาท