TDRI จี้จุดอ่อนเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ มีช่องโหว่หลายจุด

TDRI จี้จุดอ่อนเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ มีช่องโหว่หลายจุด

TDRI ถกจุดอ่อนการขับเคลื่อน ร่าง พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ยังมีช่องโหว่หลายจุด แนะไม่จำเป็นจริงๆ ให้เลือกทางอื่น

กรุงเทพธุรกิจ จัดงานเสวนาโต๊ะกลมหัวข้อ “Entertainment Complex Game Changer for Thailand” วันที่ 19 มี.ค.2568 ที่โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ โดยมีตัวแทนรัฐบาล เอกชน นักวิชาการ และประชาสังคม ร่วมแสดงความคิดเห็นต่อการขับเคลื่อนร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร สร้าง Man-Made Destinations จุดดึงดูดการท่องเที่ยวแห่งใหม่ของประเทศไทยที่อนุญาตให้มีกิจการกาสิโนในพื้นที่

นายนณริฏ พิศลยบุตร นักวิชาการอาวุโส สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) กล่าวว่า ความคิดเห็นของผมในมุมองเชิงวิชาการคือจะทำอย่างไรให้เรื่องนี้เกิดผลเสียน้อยที่สุด โดยเฉพาะในแง่มุมของการป้องกันคอร์รัปชัน ซึ่งจะแปรผันตามองค์ประกอบต่างๆ ได้แก่

1.การผูกขาด (Monopoly) หากมีการออกใบอนุญาตประกอบธุรกิจเฉพาะราย จะทำให้เกิดการผูกขาดและเกิดการเอารัดเอาเปรียบ

2.การใช้ดุลพินิจของบุคคล (Discretionary) ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นได้มากจากการตั้งคณะกรรมการชุดต่างๆ ที่มีอำนาจในการตัดสินใจในเรื่องสำคัญ รวมทั้งฝ่ายวิชาการที่จะเป็นผู้กำหนดสถานที่ตั้งเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์

3.ความน่าเชื่อถือ (Accountability) ในการดำเนินโครงการ ซึ่งยังห่วงกังวลประเด็นการตั้งองค์กรอิสระ หรือคณะกรรมการอิสระ ที่แยกจากอำนาจของประชาชน ทั้งที่โดยหลักการจะต้องอยู่ภายใต้ความคิดเห็นของประชาชน มีคนนอกร่วมด้วย และต้องสามารถควบคุม ถอดถอนได้ รวมทั้งต้องรับผิดรับโทษต่อการกระทำ

TDRI จี้จุดอ่อนเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ มีช่องโหว่หลายจุด

นอกจากนี้ ในประเด็นเรื่องสถานที่ตั้ง เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ที่จะไปอยู่ในเมืองท่องเที่ยวหลักนั้น ปัจจุบันภาคการท่องเที่ยวเริ่มเห็นสัญญาณการกระจุกตัวของนักท่องเที่ยวแล้ว (Over Tourism) ในบางพื้นที่ ซึ่งโครงสร้างพื้นฐานเริ่มจะไม่พร้อมรองรับแหล่งท่องเที่ยวขนาดใหญ่เพิ่มเข้ามาอีก 

ดังนั้น หากจะเกิดการลงทุนสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ก็ควรที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่อื่นๆ บนพื้นที่ซึ่งมีการสร้างโครงสร้างพื้นฐานไว้แล้วในแต่ละภูมิภาคที่เคยมีการลงทุนไว้แล้ว 

ขณะเดีัยวกัน ทีดีอาร์ไอ เคยมีการทำรายงานข้อห่วงกังวลเรื่องนี้ซึ่งระบุว่า กลกไกการป้องกันการฟอกเงินในกาสิโนจะต้องมีกลไกที่เข้มงวด การแข่งขันการให้ใบอนุญาตที่เป็นธรรมและสำหรับผู้ที่ให้ประโยชน์สูงสุดกับประเทศ นอกจากนี้ ร่างกฎหมายที่ยังมีช่องโหว่ และเปิดให้ใช้ดุลพินิจมากจนเกินไป ในขณะที่คะแนนการเกิดทุจริตในประเทศก็ไม่ดีนัก

“เห็นด้วยกับนักวิชาการท่านอื่นๆ ว่าการเดินหน้าร่างกฎหมายฉบับนี้ควรมีการทำประชามติ อย่างน้อยที่สุดก็ต้องได้รับความเห็นของคนในพื้นที่ด้วย นอกจากนี้ อยากเสนอให้มีการจัดทำรายงานอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรในประเด็นข้อห่วงกังวลต่างๆ และรัฐบาลจะมีการแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างไร”

นายนณริฏ กล่าวต่อว่า กิจกรรมทางเศรษฐศาสตร์ แบ่งออกเป็น กิจกรรมที่ดี และกิจกรรมที่แย่ แต่กาสิโนไม่ได้เป็นเศรษฐศาสตร์ที่จะทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น โดยทั่วไปถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ก็อยากให้หาทางเลือกอื่นก่อน