เกษตรกร เฮ!รับ มติครม.ไฟเขียวโครงการแก้ไขปัญหากุ้งทะเล

ผู้เลี้ยงกุ้ง ดีใจ ครม.เห็นปัญหากุ้ง เห็นชอบดำเนินโครงการแก้ปัญหา ป้องลักลอบนำเข้า พร้อมพัฒนาพันธุ์-การเลี้ยง หวังพลิกฟื้นอุตสาหกรรมทั้งระบบอย่างเป็นรูปธรรม
นายเอกพจน์ ยอดพินิจ นายกสมาคมกุ้งไทย เปิดเผยว่า จากมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่11มีนาคม ที่ผ่านมา ได้เห็นชอบในหลักการจัดทำโครงการเพื่อแก้ไขปัญหากุ้งทะเลของไทย โดยมอบหมายให้กรมประมงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำโครงการเสนอขอใช้งบประมาณ นั้น นับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี และดีใจที่เห็นหน่วยงานภาครัฐเล็งเห็นปัญหาเรื่องกุ้งและพร้อมเข้ามาแก้ไขอย่างเป็นรุปธรรมมากขึ้น โดยต้องยอมรับว่าในช่วงที่ผ่านๆมา ปัญหาหลักของภาคการเลี้ยงกุ้งของไทย คือ ปัญหาโรคกุ้งที่ยังไม่สามารถแก้ไขได้อย่างเด็ดขาด ขณะที่ราคาก็ตกต่ำ
ในส่วนของเกษตรกรได้ปรับตัวมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อควบคุมต้นทุนทั้งต้นทุนทางตรงและต้นทุนแฝง ที่เกิดจากความเสียหายจากโรค รวมทั้งเพิ่มผลผลิต แต่ก็ยังไม่สามารถฟื้นตัวได้ มติครม.ล่าสุดนี้ ที่มีมาตรการป้องกันการลักลอบนำเข้ากุ้งทะเลจากต่างประเทศ ที่ยกระดับทั้งมาตรการควบคุมการนำเข้าที่เข้มงวดยิ่งขึ้น และมาตรการแก้ไขปัญหากุ้งทะเลทั้งระบบ นับเป็นการจุดประกายความหวังให้กับผู้เลี้ยงในการฟื้นอุตสาหกรรมกุ้งของไทย หวังว่าจะมีการแก้ปัญหาโรค เพิ่มผลผลิต และพัฒนาทั้งพันธุ์และการเลี้ยง เพื่อช่วยสร้างความเข้มแข็งให้อุตสาหกรรมกุ้งทั้งระบบอย่างเป็นรูปธรรม
ทั้งนี้การดำเนินโครงการแก้ปัญหากุ้งทะเลของไทยของภาครัฐ จะช่วยสร้างความเข้มแข็ง และพลิกฟื้นให้อุตสาหกรรมกุ้ง ให้กลับคืนเป็นอุตสาหกรรมอันดับหนึ่ง เหมือนเช่นที่เคยสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศไทยเป็นมูลค่าถึงปีละมากกว่าแสนล้านบาท ด้วยผลผลิตสูงสุดเกือบ6แสนตัน เมื่อปี2552 เพื่อกลับเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
ทั้งนี้ สถานการณ์กุ้งทะเลของไทยในปี2567ด้านการผลิตมีผลผลิตกุ้งทะเลจากการเพาะเลี้ยง มีปริมาณรวมทั้งสิ้น270,000ตัน แบ่งเป็น เป็นกุ้งขาวแวนนาไม255,000ตัน (ร้อยละ94)และกุ้งกุลาดำ15,000ตัน (ร้อยละ6)ในส่วนการส่งออก ประเทศไทยส่งออกสินค้ากุ้งทะเลและผลิตภัณฑ์ (ไม่รวมล็อบสเตอร์) รวมทั้งสิ้น130,070.70ตัน มูลค่า42,562.62ล้านบาท แบ่งเป็น กุ้งขาวแวนนาไม89,797.71ตัน (ร้อยละ69.04)กุ้งอื่น ๆ29,132.76ตัน (ร้อยละ22.40)และกุ้งกุลาดำ11,140.23ตัน (ร้อยละ8.56)โดย5ประเทศแรกที่ไทยมีการส่งออก ได้แก่ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา จีน เกาหลีใต้ และไต้หวัน ตามลำดับ