‘บีโอไอ’ เปิดศูนย์ ‘TIESC’ อำนวยความสะดวกนักลงทุนต่างชาติ

นายกฯเปิดศูนย์ TIESC ดันเป็น One Stop Service อำนวยความสะดวกนักลงทุน บุคลากรต่างชาติ ศูนย์รวมการทำงาน 3 หน่วยงาน บีโอไอ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กรมการจัดหางาน
วันนี้ (31 มีนาคม 2568) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ศูนย์ Thailand Investment @ Expat Services Center ชั้น 7 อาคาร One Bangkok นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานและกล่าวปาฐกถาในพิธีเปิด “ศูนย์บริการนักลงทุนและบุคลากรต่างชาติ (Thailand Investment and Expat Services Center: TIESC) โดยมีผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน คณะเอกอัครราชทูต และผู้บริหารหอการค้าต่างประเทศ เข้าร่วม
โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความเสียใจต่อผู้ประสบภัยแผ่นดินไหว พร้อมให้ความมั่นใจว่า รัฐบาลควบคุมสถานการณ์และตรวจสอบอาคารทั่วกรุงเทพฯ โดยยืนยันว่าอุบัติเหตุเกิดขึ้นเฉพาะกับอาคารที่อยู่ระหว่างก่อสร้างเพียงหลังเดียว และกำลังอยู่ระหว่างการสอบสวน พร้อมยืนยันว่า ประเทศไทยยังคงเป็นประเทศที่ปลอดภัยสำหรับการลงทุนและการท่องเที่ยว
สำหรับพิธีเปิดศูนย์บริการ Thailand Investment and Expat Services Center (TIESC) ในครั้งนี้ ขอแสดงความชื่นชมอย่างจริงใจต่อทุกหน่วยงานที่ร่วมกันผลักดันให้วิสัยทัศน์นี้กลายเป็นความจริง ซึ่งศูนย์บริการฯ แห่งนี้ ไม่ใช่เพียงหน่วยงานราชการทั่วไป แต่เป็นสัญลักษณ์แห่งความเปิดกว้าง อบอุ่น และความพร้อมของประเทศไทยในการต้อนรับมิตรจากทั่วทุกมุมโลก
ประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านที่สำคัญ ซึ่งในปี 2567 เป็นปีทองแห่งการลงทุน มีโครงการลงทุนสูงถึง 3,100 โครงการ มูลค่า 1.1 ล้านล้านบาท นับเป็นปีที่มีการยื่นขอลงทุนสูงสุดในรอบทศวรรษ สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนอย่างชัดเจน ความสำเร็จเหล่านี้ได้ทำให้ไทยให้เป็นศูนย์กลางนวัตกรรมและการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ อาทิ เศรษฐกิจชีวภาพ ยานยนต์สมัยใหม่ เซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง เทคโนโลยีดิจิทัล และศูนย์ธุรกิจระหว่างประเทศ
โดยทรัพยากรที่สำคัญที่สุดของไทย ยังคงเป็นคน ด้วยอัธยาศัยไมตรี ความคิดสร้างสรรค์ และความสามารถในการสร้างความสัมพันธ์อันยั่งยืน ถือเป็นหัวใจของซอฟต์พาวเวอร์ไทย โดยรัฐบาลมุ่งหวังที่จะดึงดูดผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ ที่จะเป็นพลังขับเคลื่อนการเติบโตในอนาคต และเมื่อไทยต้อนรับนักลงทุนและคนเก่งจากทั่วโลก ซึ่งไม่เพียงแสวงหาความร่วมมือทางเศรษฐกิจ แต่ยังเป็นการสร้างมิตรภาพ แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และความเข้าใจอันดีต่อกัน การลงทุนและความร่วมมือแต่ละครั้งจะช่วยเสริมสร้างชุมชนและสังคมที่มีชีวิตชีวา ครอบคลุม และกระจายความเจริญไปทั่วประเทศ
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า สภาพแวดล้อมทางธุรกิจและการลงทุนที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ในปัจจุบัน การบริการที่เป็นเลิศที่ความสะดวก โปร่งใส และรวดเร็ว ซึ่งรัฐบาลมุ่งมั่นที่จะอำนวยความสะดวกเพื่อให้การดำเนินธุรกิจในประเทศไทยราบรื่นและประสบความสำเร็จ ตลอดจนอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจและการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ต่างเป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับรัฐบาล
โดยศูนย์บริการฯ นี้ เป็นการแสดงเจตนารมณ์ในการอำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจและการใช้ชีวิตในไทย ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่และนวัตกรรมดิจิทัล ซึ่งจะให้บริการที่ราบรื่นด้านวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน เพื่อทำให้ไทยเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ดีที่สุดในการทำธุรกิจ ทำงาน และใช้ชีวิต
รัฐบาลให้ความสำคัญกับความสะดวกในการเข้าและพำนักในประเทศผ่านโครงการต่าง ๆ อาทิ วีซ่าพำนักระยะยาว
สำหรับผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะสูง (Highly Skilled Professionals), ชาวต่างชาติที่ทำงานในบริษัทต่างประเทศที่พำนักในไทย (Work-from-Thailand Professionals) ชาวต่างชาติที่มีทรัพย์สินสุทธิมูลค่าสูงและผู้เกษียณอายุที่ได้รับบำนาญ (Wealthy Global Citizens and Pensioners) สมาร์ทวีซ่าสำหรับสตาร์ทอัพ (SMART Visa) ตลอดจนอำนวยความสะดวกด้านวีซ่าและใบอนุญาตทำงานสำหรับผู้บริหาร ผู้เชี่ยวชาญ และบุคลากรสำหรับโครงการที่ได้รับการส่งเสริมจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI)
“ขอบคุณชาวต่างชาติที่อาศัยและทำงานในไทย ซึ่งการมีส่วนร่วมของทุกท่าน ไม่เพียงแต่เป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจไทยเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างภูมิทัศน์ทางวัฒนธรรมอันหลากหลายของไทยด้วย ซึ่งรัฐบาลพร้อมข้อเสนอแนะ และมุ่งมั่นที่จะทำให้ไทยเป็นบ้านที่อบอุ่นสำหรับทุกคน”
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า “ศูนย์บริการนักลงทุนและบุคลากรต่างชาติ (Thailand Investment and Expat Services Center: TIESC)” ตั้งอยู่บนชั้น 6 และ ชั้น 7 ของโครงการ One Bangkok โซน PARADE ถนนพระราม 4 กรุงเทพฯ
โดย TIESC เป็นศูนย์กลางการให้บริการแก่นักลงทุนต่างชาติ ซึ่งได้รวมบริการของ “ศูนย์ประสานการบริการด้านการลงทุน” (One Start One Stop Investment Center: OSOS) ซึ่งให้บริการคำปรึกษาและข้อมูลอย่างครบวงจรแก่นักลงทุนต่างชาติที่ต้องการลงทุนในประเทศไทย รวมทั้งช่วยอำนวยความสะดวกในการประสานหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งธุรกิจมาร่วมให้ข้อมูลเป็นจุดเดียว และ “ศูนย์บริการวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน” (One Stop Service for Visa and Work Permit) เป็นศูนย์ให้บริการครบวงจรด้านวีซ่า และใบอนุญาตทำงาน ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างบีโอไอ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และกรมการจัดหางาน โดยยกบริการของทั้ง 3 หน่วยงานมาไว้ ณ จุดเดียว อีกทั้งทุกหน่วยงานยังมีการเชื่อมโยงข้อมูล ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ ระบบ Single Window for Visa and Work Permit ซึ่งทำให้นักลงทุนสามารถยื่นขออนุมัติ/อนุญาตทางระบบออนไลน์ และเป็นการยื่นเพียงครั้งเดียว ไม่ต้องแยกยื่นเอกสารกับแต่ละหน่วยงาน
ศูนย์บริการ OSOS และศูนย์บริการวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน เป็นศูนย์บริการที่มีความสำคัญอย่างยิ่งกับนักลงทุนจากต่างประเทศ เดิมตั้งอยู่ที่อาคารจัตุรัสจามจุรี กรุงเทพฯ แต่เนื่องจากแนวโน้มการลงทุนจากต่างประเทศขยายตัวสูงขึ้น ทำให้ปริมาณนักลงทุนและบุคลากรต่างชาติที่เข้ามาใช้บริการ ที่ศูนย์แห่งนี้มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉลี่ย 400 - 500 คนต่อวัน บางวันสูงถึงกว่า 1,500 คน และมีแนวโน้มสูงขึ้น ประกอบกับรัฐบาลมีมาตรการใหม่ ๆ ในการดึงดูดกลุ่ม Talent ต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็น Long-term Resident Visa (LTR Visa) หรือ Smart Visa สำหรับสตาร์ทอัพ ที่กำลังได้รับความสนใจอย่างมาก บีโอไอ จึงจำเป็นต้องควบรวมบริการของศูนย์ทั้งสองแห่ง และจัดตั้งศูนย์ TIESC เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการ ที่เพิ่มขึ้น และรองรับการพัฒนาบริการและความร่วมมือใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
“TIESC จะเป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อการลงทุนจากทั่วโลกสู่ประเทศไทย ในการดึงดูดการลงทุนยุคใหม่ ลำพังสิทธิประโยชน์ไม่เพียงพอ แต่สิ่งที่นักลงทุนต้องการ คือ ความสะดวกในการประกอบธุรกิจ หรือที่เรียกว่า Ease of Doing Business รวมทั้งความสะดวกของผู้บริหารและบุคลากรต่างชาติในด้านวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญในการดึงดูดกลุ่มบุคลากรทักษะสูง (Talent) เข้าสู่ประเทศไทย บีโอไอให้ความสำคัญกับเรื่องเหล่านี้ จึงได้จับมือหน่วยงานพันธมิตร โดยเฉพาะ ตม. และกระทรวงแรงงาน เดินหน้าปรับปรุงประสิทธิภาพ ในการให้บริการอย่างต่อเนื่อง โดยศูนย์ใหม่แห่งนี้ จะเป็นแพลตฟอร์มสำคัญในการบูรณาการภาครัฐและเอกชน เพื่อสนับสนุนการทำธุรกิจในประเทศไทยให้ประสบความสำเร็จ” นายนฤตม์ กล่าว