'เอกนัฏ' ย้ำ เหล็ก 'ซินเคอหยวน' ตก มอก. ไม่มีสิทธิ์ตรวจซ้ำที่อื่น

"เอกนัฏ" ย้ำชัด! เหล็กที่ผลิตจากโรงงาน "ซินเคอหยวน" ที่ใช้สร้างตึก สตง. ตกมาตรฐานมอก. ไม่มีสิทธิ์ตรวจซ้ำที่สถาบันยานยนต์
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ผ่านรายการ "เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand" วันนี้ (3 เม.ย. 2568) ว่า จได้สั่งการให้ “ทีมตรวจการสุดซอยกระทรวงอุตสาหกรรม” ลงพื้นที่ตรวจสอบบริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ภายหลังผลตรวจสอบคุณภาพเหล็กข้ออ้อยขนาด 20 และ 32 มิลลิเมตร ที่เก็บตัวอย่างมาจากตึกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินถล่ม (อาคาร สตง. ถล่ม) ไม่เป็นไปตามมาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.)
อีกทั้ง ก่อนหน้านี้ กระทรวงอุตสาหกรรมได้สั่งปิดโรงงานของบริษัทฯ ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2567 เนื่องจากบริษัทฯ ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามกฎหมายโรงงานในหลายประเด็น อีกทั้ง ยังมีการผลิตเหล็กที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน มอก. อาจส่งผลกระทบสร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน กระทรวงฯ จึงได้ทำการยึดอายัดเหล็กทั้งหมดไว้ตั้งแต่เดือนมกราคม 2568 จำนวน 2,441 ตัน มูลค่ากว่า 49.2 ล้านบาท พร้อมเรียกคืนเหล็กจากท้องตลาดที่ผลิตจากบริษัทฯ คืนทั้งหมด และได้ดำเนินคดีกับบริษัทฯ อย่างถึงที่สุด
ดังนั้น การที่ นางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นตัวแทนลงพื้นที่กับผู้แทนจากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ลงพื้นที่ไปตรวจสอบโรงงาน ซินเคอหยวน เมื่อวันที่ 2 เม.ย. 2568 เพื่อตรวจสอบว่ามีการลักลอบนำเหล็กที่ไม่ผ่านมาตรฐานและยึดไว้เป็นของกลางนำมาจำหน่ายหรือไม่นั้น
ทั้งนี้ ยังพบเหล็กที่โดนอายัดอยู่ แต่สิ่งที่ทางเจ้าหน้าที่ ซินเคอหยวน จะนำเหล็กที่ตรวจสอบโดยสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย แล้วไม่ผ่านเกณฑ์ จึงจะขอส่งไปให้สถาบันยานยนต์ตรวจสอบแทนนั้น นายเอกนัฏ ยืนยันว่าไม่ยอม เป็นเรื่องไร้สาระ เพราะเครื่องมาตรฐานที่มีมาตรฐานบังคับสำหรับเหล็กทั้งเหล็กข้ออ้อยและเหล็กกรมจะต้องเป็นไปตามมาตราฐานเดียวกัน "ตกก็คือตก" แล้วจะตรวจจนผ่านเลยเหรอ เป็นไปไม่ได้
"นโยบายเราไม่ยอมอยู่แล้ว ไม่มีสิทธิ์ไปขอตรวจใหม่ ผลตรวจออกมาแล้ว แม้จะขอตรวจคู่ขนานเราก็ไม่ยอม ซึ่งสถาบันยานยนต์ก็มีมาตรฐานกำหนด เชื่อว่าแม้ตรวจสอบผลก็จะเหมือนกัน"
อย่างไรก็ตาม ต้องแยกการตรวจสอบคือ การตรวจของกระทรวงอุตสาหกรรมมี 2 รอบ คือ เมื่อเดือน ธ.ค. 2568 ซึ่งคุณสมบัติทางเคมีที่ค่าโบรอนไม่เป็นไปตามมาตรฐาน และรอบ 2 คือ ตึก สตง. ถล่ม พบเหล็กข้ออ้อยขนาด 20 มิลลิเมตร มีมวลน้ำหนักเหล็กเบากว่ามาตรฐานและเหล็กข้ออ้อยขนาด 32 มิลลิเมตร ไม่ได้มาตรฐานค่าความสามารถในการต้านแรงดึง ถือว่าเป็นเกณฑ์ที่หนักกว่ารอบแรกด้วยซ้ำ ยืนยันว่าการตรวจสอบตรงไปตรงมา ดังนั้น การตรวจพบใน 2 กรณีได้บ่งบอกถึงมาตรฐานผลิตภัณฑ์และมาตรฐานทางการผลิต
"ยกตัวอย่างถ้าผลิต 100 ชิ้น แล้วตกมาตรฐาน 1 ชิ้น ก็ถือว่ามีปัญหา ก็ต้องทิ้งทั้ง 100 ชิ้น การเก็บมา 2 รอบนี้ พบว่ามีเหล็กหลายขนาดที่ตกมาตรฐาน บ่งบอกถึงมาตรฐานกระบวนการผลิตที่ไม่สามารถผลิตได้มาตรฐานเท่ากัน"
นายเอกนัฏ ตอบคำถามถึงเหล็กที่มีครื่องหมายตัว T ว่า ต้องดู 2 ส่วน คือดูกรรมวิธีการผลิตและตัวผลิตถัณฑ์ที่ออกมาที่ต้องมีมาตรฐานตรงตามกำหนด ซึ่งเครื่องหมาย T คือกรรมาวิธีการผลิตซึ่งเวลาผลิตจะมี 2 แบบ คือ ใช้ไฟฟ้าเป็นตัวนำซึ่งเป็นแบบเก่า ดังนั้นในทางวิทยาศาสตร์บอกว่าใช้ได้ แต่สิ่งสำคัญคือเหล็กมีคุณภาพแค่ไหน เราดูในส่วนของคุณภาพ
นอกจากนี้ ในส่วนของการที่หลายประเทศห้ามใช้เตาหลอม IF เป็นกรรมวิธีการผลิตแบบเก่า ซึ่งรวมถึงจีนเอง ส่วนตัวยอมรับว่า ก่อนหน้าได้ปิดโรงงานเหล็กไปแล้ว 7 โรงงาน และจะปิดอีก 3 โรงงาร จะเห็นว่ามีการนำเอาอุปกรณ์เครื่องจักรเก่ามาใช้ สร้างมลภาวะ ต่างจากระบบใหม่ที่มีคุณภาพดีกว่า จึงต้องปรับกระบวนการปรับมาตรฐาน จริงๆ ส่วนตัวก็อยากห้ามใช้แต่ด้วยยังมีโรงงานของคนไทยที่ยังใช้อยู่
"ผมพูดเสมอว่า ธุรกิจไทยต้องปรับตัวได้แล้ว เพราะเรื่องของสิ่งแวดล้อมสำคัญ ทำให้กระบวนการผลิตดีและมีคุณภาพซึ่งมีผลต่อการขายขายมาก ดังนั้น การแก้ไขใบอนุญาต มอก. ที่จะออกมาก็สำคัญด้วย"