ราคาน้ำมันดิบร่วงต่อ ตลาดหวั่นภาษีทรัมป์โหมไฟสงครามการค้าโลก

ราคาน้ำมันดิบสหรัฐปิดตลาดต่ำกว่า 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในวันอังคาร ผู้ค้ากลัวมาตรการขึ้นภาษีครั้งใหญ่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะจุดชนวนให้เกิดสงครามการค้าโลก
ซีเอ็นบีซี รายงานตลาดน้ำมันดิบวันอังคาร (8 เม.ย.) หรือเมื่อคืนที่ผ่านมาตามเวลาไทยว่า ราคาน้ำมันดิบสหรัฐปิดตลาดต่ำกว่า 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในวันอังคาร ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปี เนื่องจากผู้ค้าเกรงว่ามาตรการขึ้นภาษีครั้งใหญ่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะจุดชนวนให้เกิดสงครามการค้าโลกอย่างเต็มรูปแบบ
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 1.12 ดอลลาร์ หรือ 1.85% ปิดที่ 59.58 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือนเมษายน 2021 ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ลดลง 1.39 ดอลลาร์ หรือ 2.16% ปิดที่ 62.82 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้นมากถึง 1.7% ในช่วงต้นของการซื้อขาย แต่ปรับตัวลงเนื่องจากมาตรการขึ้นภาษีจีนของทรัมป์ส่งผลกระทบต่อตลาด ราคาน้ำมันดิบลดลงมากกว่า 15% นับตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมา เมื่อทรัมป์ประกาศจัดเก็บภาษีนำเข้ารอบใหม่
ตลาดน้ำมันกำลังเผชิญกับ "ค็อกเทลพิษ" ของความกลัวภาวะเศรษฐกิจถดถอยอันเนื่องมาจากภาษีของทรัมป์และการตัดสินใจของกลุ่มโอเปกพลัส ที่จะปล่อยน้ำมันดิบกลับเข้าสู่ตลาดมากขึ้น เฮลิมา ครอฟต์ หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์ระดับโลกของ RBC Capital Markets กล่าว
"ตอนนี้ผู้คนกำลังรอคอยที่จะดูว่าจะมีทางออกที่เป็นไปได้สำหรับข้อพิพาททางการค้านี้หรือไม่" ครอฟต์กล่าวกับซีเอ็นบีซี
ตามรายงานของทำเนียบขาวระบุว่า อัตราภาษีของสหรัฐฯ ต่อสินค้าจีนจะพุ่งสูงถึง 104% ในเวลา 00:01 น.ของวันพุธตามเวลาในนิวยอร์ก ปักกิ่งไม่มีทีท่าว่าจะยอมแพ้ โดยให้คำมั่นว่าจะ "ต่อสู้จนถึงที่สุด"
ในวันอังคาร สก็อตต์ เบสเซนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวกับซีเอ็นบีซี ว่าจีนกำลังเสียเปรียบ
"ผมคิดว่าการที่จีนเพิ่มระดับการขึ้นภาษีนี้เป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ เพราะพวกเขากำลังเล่นแบบเสี่ยงดวง" เบสเซนท์กล่าวระหว่างการสัมภาษณ์กับซีเอ็นบีซี “เราเสียอะไรไปบ้างจากการที่จีนขึ้นภาษีนำเข้าจากเรา เราส่งออกสินค้าให้พวกเขาเพียง 1 ใน 5 ของปริมาณที่พวกเขาส่งออกมาให้เรา ดังนั้นพวกเขาจึงเสียเปรียบ”