ส่องคืบหน้า 'ไฮสปีดสามสนามบิน' โครงการรัฐร่วมเอกชนติดหล่ม 6 ปี

ส่องคืบหน้า 'ไฮสปีดสามสนามบิน' โครงการรัฐร่วมเอกชนติดหล่ม 6 ปี

การรถไฟฯ เปิดความคืบหน้า “ไฮสปีดสามสนามบิน” บิ๊กโปรเจกต์รัฐร่วมเอกชน ต่อรองแก้สัญญาแล้วเสร็จ เตรียมเสนออัยการสูงสุดพิจารณา หลังสงกรานต์นี้ปิดจ็อบเสนอ ครม.

KEY

POINTS

  • การรถไฟฯ เปิดความคืบหน้า “ไฮสปีดสามสน

หลังวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์นี้ คงต้องจับตามองการเคลื่อนไหวของโครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) เชื่อมสามสนามบิน (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา) หลังจากลงนามสัญญาร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนมาราว 6 ปี นับจากวันที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และบริษัท เอเชีย เอราวัน จำกัด ที่มีเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ถือหุ้นใหญ่ ลงนามสัญญาร่วมลงทุนเมื่อวันที่ 24 ต.ค.2562 แต่ปัจจุบันโครงการนี้ยังไม่สามารถเริ่มตอกเสาเข็มก่อสร้างงานโยธา

โดยบิ๊กโปรเจกต์ร่วมทุนระหว่างรัฐและเอกชนนี้ ถูกเสนอเข้าสู่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มาก่อนหน้านี้ เพื่อเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ปริมาณผู้โดยสารไม่เป็นไปตามคาด และการส่งมอบพื้นที่ก็ไม่สามารถทำได้ตามแผน จึงเป็นจุดเริ่มต้นกระบวนการเจรจาเพื่อปรับแก้สัญญาร่วมลงทุน โดยผลการเจรจา ฯ ปัจจุบันมีข้อสรุปของการแก้ไขสัญญา 5 ประเด็น ประกอบด้วย

1.วิธีชำระเงินที่รัฐร่วมลงทุน (Public Investment Cost : PIC) จากเดิมเมื่อเอกชนเปิดเดินรถไฟความเร็วสูง รัฐแบ่งจ่าย 149,650 ล้านบาท ปรับเป็นลักษณะสร้างไปจ่ายไป โดยรัฐจ่ายเงินสนับสนุนเป็นงวดตามความก้าวหน้าของงานที่ รฟท.ตรวจรับ และกรรมสิทธิ์สิ่งปลูกสร้างจะทยอยตกเป็นของรัฐทันทีตามงวดการจ่ายเงิน

2.กำหนดการชำระค่าสิทธิให้ร่วมลงทุนในโครงการแอร์พอร์ตเรลลิงก์ โดยให้เอกชนแบ่งชำระค่าสิทธิ 10,671 ล้านบาท เป็น 7 งวด เป็นรายปี จำนวนเท่ากัน โดยต้องชำระงวดแรก ณ วันที่ลงนามแก้ไขสัญญา

3.กำหนดส่วนแบ่งผลประโยชน์ตอบแทน (Revenue Sharing) เพิ่มเติม หากอนาคตอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของโครงการลดอย่างมีนัยสําคัญ

4.การยกเว้นเงื่อนไขการออกหนังสือแจ้งให้เริ่มงาน (Notice to Proceed : NTP) โดยกำหนดให้ รฟท.สามารถออกหนังสือ NTP ได้โดยไม่ต้องรอเอกชนรับบัตรส่งเสริมการลงทุน (BOI) เพื่อให้ รฟท.ออก NTP ได้ทันทีเมื่อลงนามสัญญาที่แก้ไขตามหลักการทั้งหมด

5. ปรับปรุงข้อสัญญาในส่วนเหตุสุดวิสัยและเหตุผ่อนผัน ให้สอดคล้องกับสัญญาร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชนในโครงการอื่น

โดยความคืบหน้าล่าสุด คณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เห็นชอบร่างสัญญาร่วมลงทุนโครงการนี้ ซึ่งจะดำเนินการปรับแก้รายละเอียดสัญญาตามหลักการของคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาตตะวันออก (กพอ.) ที่มีมติให้แก้ไข 5 ประเด็นหลักข้างต้น และความคืบหน้าครั้งนี้ จึงนับเป็นจุดเริ่มต้นของการยุติมหากาพย์ “ไฮสปีดสามสนามบิน” ที่มีวี่แววว่าหลังสงกรานต์นี้ใกล้จะลงนามสัญญาใหม่ และถึงเวลาตอกเสาเข็มก่อสร้าง

“อนันต์ โพธิ์นิ่มแดง” รองผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กล่าวว่า ภายหลังผ่านการเห็นชอบจากบอร์ด รฟท.แล้ว ร่างสัญญาฉบับใหม่จะถูกส่งไปยังคณะกรรมการกำกับโครงการฯ ก่อนเสนอไปยังสำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณา จะใช้เวลาราว 30 – 45 วัน หลังจากนั้นคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) จะเสนอ ครม.พิจารณา โดยคาดว่ากระบวนการเหล่านี้จะแล้วเสร็จ พร้อมลงนามสัญญาภายในเดือน มิ.ย.2568 ซึ่ง รฟท.พร้อมออกหนังสือ NTP เพื่อให้เอกชนเริ่มงานก่อสร้าง และแล้วเสร็จภายใน 5 ปีนับจากนี้

สำหรับสาระสำคัญของการแก้ไขสัญญาร่วมลงทุนครั้งนี้มี 2 ประเด็นหลัก คือ

- วิธีชำระเงินที่รัฐร่วมลงทุน ซึ่งบอร์ด รฟท.กำชับว่ารัฐต้องไม่เสียประโยชน์ โดย รฟท.ยืนยันว่าวิธีการนี้ไม่ทำให้รัฐเสียประโยชน์ เนื่องจากการปรับมาเป็นวิธีการสร้างไปจ่ายไป โดยหลังชำระค่าก่อสร้างแล้ว รัฐจะเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในงานโยธา

- ข้อกำหนดให้เอกชนคู่สัญญา คือ บริษัท เอเชีย เอราวัน จำกัด ต้องวางเงินหลักประกัน หรือ แบงก์การันตีเพิ่มเติมจากกรอบสัญญาเดิมรวมประมาณ 160,000 ล้านบาท เพื่อรับประกันว่าจะก่อสร้างเสร็จภายใน 5 ปี

อย่างไรก็ดี หลักประกันที่เอกชนต้องนำมาวางในโครงการนี้ จึงจะแบ่งออกเป็น

  • หลักประกันตามสัญญาเดิม 2 ส่วน คือ
  • หลักประกันสัญญา วงเงิน 4,500 ล้านบาท ตลอดสัญญา 50 ปี
  • หนังสือค้ำประกันผู้ถือหุ้น วงเงิน 149,650 ล้านบาท ตลอดสัญญา 50 ปี

ส่วนหลักประกันเพิ่มเติมที่เอกชนต้องนำมาวางการันตีในการดำเนินโครงการนี้ รวมวงเงินประมาณ 160,000 ล้านบาท ซึ่งจะต้องนำมาวางให้กับ รฟท.ภายใน 270 วันหลังลงนามแก้ไขสัญญา ประกอบด้วย

1. หนังสือค้ำประกันค่าก่อสร้างงานโยธา 125,932.54 ล้านบาท

2. หนังสือค้ำประกันงานระบบ 14,813.49 ล้านบาท

3. หนังสือค้ำประกันคุณภาพเดินรถ 748.25 ล้านบาท

4. หนังสือค้ำประกันค่าสิทธิบริหารรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์ (ARL) 10,671 ล้านบาท โดยวันลงนามสัญญาใหม่ เอกชนจะต้องชำระค่าสิทธิบริหาร ARL งวดแรกทันทีประมาณ 1,500 ล้านบาท และส่วนที่เหลือกำหนดทยอยชำระรวม 7 งวด