ไทยกู้ AIIB ลงทุน อู่ตะเภา เลี่ยงดอลลาร์อ่อน – เตือนสหรัฐเพ่งเล็ง

รัฐบาลอนุมัติเงินกู้กว่า 13,800 ล้านบาทจาก AIIB เพื่อพัฒนา “รันเวย์ 2 สนามบินอู่ตะเภา” นักวิชาการเตือนควรระวังผลกระทบทางภูมิรัฐศาสตร์ หวั่นสหรัฐฯ จับตามอง
KEY
POINTS
- กรณี ครม.ไฟเขียวกู้เงินจาก AIIB วงเงินกว่า 423 ล้านดอลลาร์เพื่อใช้ในการลงทุนก่อสร้างรันเวย์ที่ 2 ของสนามบินอู่ตะเภา
- สนามบินอู่ตะเภามีความอ่อนไหวทางยุทธศาสตร์ ด้วยประวัติการใช้งานโดยกองทัพสหรัฐฯตั้งแต่สงครามเวียดนาม การเชื่อมโยงกับแหล่งเงินทุนที่จีนมีอิทธิพลสูงจึงอาจถูกเพ่งเล็งทางการเมื
มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมามีการอนุมัติให้กระทรวงการคลังกู้เงินจากธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของเอเชีย (AIIB) วงเงิน 423.05 ล้านดอลลาร์หรือประมาณ 1,3891.75 ล้านบาท เพื่อลงทุนในโครงการก่อสร้างรันเวย์ที่ 2 ของสนามบินอู่ตะเภา ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในโครงการที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของสนามบินอู่ตะเภา และจะรองรับการเป็นเมืองการบินภาคตะวันออกในอนาคต
อย่างไรก็ตามเนื่องจากสนามบินแห่งนี้ถือว่าเป็นสนามบินยุทธศาสตร์ที่สำคัญของสหรัฐฯและเคยมีการใช้งานตั้งแต่สงครามเย็น สงครามเวียดนาม รวมทั้งปฏิบัติภารกิจต่างๆในภูมิภาคนี้มาจนถึงปัจจุบัน เนื่องจากสนามบินแห่งนี้มีที่ตั้งอยู่กึ่งกลางของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ทำให้เมื่อประเทศไทยตัดสินใจกู้เงินจาก AIIB ซึ่งเป็นธนาคารที่ประเทศจีนถือหุ้นใหญ่อยู่มากกว่า 30% จึงเป็นที่น่าสนใจว่าในการกู้เงินของไทยนั้นรัฐบาลตัดสินใจอยู่บนหลักคิดใดโดยเฉพาะในช่วงสงครามการค้าและนโยบายภาษีของทรัมป์ทวีความเข้มข้นขึ้นในขณะนี้
รศ.ดร. สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์และการเมือง เปิดเผยกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า ปัจจุบันการกู้เงินเพื่อลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลประเทศต่างๆจะมีการพิจารณาเงื่อนไข และข้อกำหนดที่หลากหลาย โดยในส่วนที่ไทยตัดสินใจกู้เงินจาก AIIB มาลงทุนโครงการนี้คาดว่านอกจากต้นทุนทางการเงินและดอกเบี้ยที่ต่ำ
รัฐบาลอาจพิจารณาแล้วว่าในกรอบระยะเวลาการกู้เงินที่ค่อนข้างที่จะยาวนานต้องดูสถานะของสกุลเงินที่กู้ด้วยว่าจะมีทิศทางที่อ่อนค่าลงหรือไม่ เพราะหากเงินที่เรากู้มามาจากแหล่งเงินที่ยึดสกุลดอลลาร์เป็นหลักก็อาจจะมีปัญหาเรื่องค่าเงินอ่อนค่าตามมาได้
ทั้งนี้จะเห็นว่าในขณะนี้ในตลาดเงินเริ่มมีความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจของสหรัฐฯและค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง สะท้อนจากความไม่มั่นใจในผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของสหรัฐฯที่ปรับตัวสูงขึ้น ทั้งพันธบัตรระยะยาว 10 ปี และพันธบัตรสหรัฐฯอายุ 30 ปี นั้นผลตอบแทนปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ดังนั้นประเทศไทยที่มีการกู้เงินสกุลเงินต่างประเทศอยู่บ้าง ในการพิจารณาแหล่งกู้เงินใหม่ก็ต้องพิจารณาในเรื่องนี้ด้วย
เมื่อถามว่าการกู้เงินจากธนาคารที่จีนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่จะทำให้สหรัฐฯเพ่งเล็งไทยหรือไม่นั้น รศ.ดร.สมชาย กล่าวว่าเรื่องนี้ก็อาจจะเป็นประเด็นได้ แต่มองว่าสหรัฐฯอาจจะเพ่งเล็ง คือรู้ว่ามีการติต่อกันในการที่ไทยกู้เงินจาก AIIB แต่ว่าคงไม่ได้หยิบมาเป็นประเด็นที่จะกดดันไทยในการเจรจาการค้า เพราะเป้าหมายของสหรัฐฯไม่ได้ห้ามไม่ให้ไทยเราลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน แต่ไม่ต้องการให้มีการสวมสิทธิ์แหล่งผลิต ส่งไปสหรัฐฯ มากกว่า
“เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องทางเทคนิคการกู้เงินซึ่งรัฐบาลก็ต้องเตรียมข้อมูลไว้ หากสหรัฐฯมาเพ่งเล็งและสอบถามไทยในเรื่องนี้ ไทยเราก็ต้องมีการชี้แจงข้อเท็จจริงว่าเราเลือกการกู้เงินจากแหล่งเงินกู้นี้เพราะอะไร หากสามารถชี้แจงได้คิดว่าโครงการนี้จะไม่เกิดปัญหาที่ทำให้การเจรจาการค้าไทย-สหรัฐฯสะดุดลง”นายสมชาย กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่ารายละเอียดและเงื่อนไขการกู้เงินจาก AIIB เพื่อก่อสร้างรันเวย์ที่ 2 สนามบินอู่ตะเภาที่ ครม.เห็นชอบมีดังนี้
1. อัตราดอกเบี้ย / การชำระดอกเบี้ย
- คิดตามอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง SOFR (Secured Overnight Financing Rate) + Variable Spread
- ปัจจุบัน Variable Spread อยู่ที่ 1.04%
- AIIB จะปรับอัตราดอกเบี้ยทุกเดือนมกราคม และ กรกฎาคมของทุกปี
- ชำระดอกเบี้ยของวงเงินกู้ค้างทุก 6 เดือน (ทุกวันที่ 15 มิถุนายน และ 15 ธันวาคม)
2. ค่าธรรมเนียมการจัดการเงินกู้ (Front-End Fee)
- อัตรา 0.25% ของวงเงินกู้
- ต้องชำระภายใน 60 วัน หลังจากสัญญาเงินกู้มีผลบังคับใช้ (Loan Effective)
3. ค่าธรรมเนียมผูกพันเงินกู้ (Commitment Fee)
- อัตรา 0.25% ต่อปี ของวงเงินกู้ที่ยังไม่ได้เบิกจ่าย
- คิดค่าธรรมเนียมหลัง 60 วัน นับจากวันที่ลงนามในสัญญาเงินกู้
4. อายุเงินกู้
- อายุเงินกู้ 15 ปี
- ระยะปลอดการชำระคืนเงินต้น 4 ปี
- อายุเงินกู้เฉลี่ย (ATM) = 9 ปี
5. การชำระคืนต้นเงินกู้
- ชำระทุกวันที่ 15 มิถุนายน และ 15 ธันวาคม
- งวดแรกเริ่มชำระวันที่ 15 ธันวาคม 2570