SCGP สู้ศึกภาษีสหรัฐ ทุ่ม 1.3 หมื่นล้าน ลุยอุปกรณ์แพทย์ ใช AI ต่อยอดธุรกิจ

SCGP สู้ศึกภาษีสหรัฐ ทุ่ม 1.3 หมื่นล้าน ลุยอุปกรณ์แพทย์ ใช AI ต่อยอดธุรกิจ

SCGP ไตรมาส 1/68 กำไรโตต่อเนื่อง รับกลยุทธ์ปรับตัวไว รุกอาเซียน เงินสดแกร่ง พร้อมลงทุน 1.3 หมื่นล้าน เดินหน้าผลิตอุปกรณ์การแพทย์ ใช้ AI ลดต้นทุน รับมือนโยบายภาษีสหรัฐ

นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP กล่าวว่า ภาพรวมในไตรมาสแรกของปี 2568 อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์อาเซียนเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะบรรจุภัณฑ์กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม บรรจุภัณฑ์สินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งได้รับผลดีจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล 

นอกจากนี้ ยังรวมถึงการเตรียมสินค้าก่อนถึงวันหยุดในไทยและอินโดนีเซีย การฟื้นตัวของการท่องเที่ยว และการส่งออกสินค้าก่อนมาตรการภาษี อย่างไรก็ตาม ความต้องการบรรจุภัณฑ์บางส่วนในจีนและเวียดนามได้รับผลกระทบจากวันหยุดช่วงเทศกาลปีใหม่ ประกอบกับความต้องการในสินค้าคงทนที่ชะลอตัวจากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่จำกัดมากขึ้น

SCGP สู้ศึกภาษีสหรัฐ ทุ่ม 1.3 หมื่นล้าน ลุยอุปกรณ์แพทย์ ใช AI ต่อยอดธุรกิจ

"SCGP มุ่งเน้นการขายภายในประเทศภูมิภาคอาเซียน เพื่อตอบสนองความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น เพิ่มสัดส่วนกลุ่มบรรจุภัณฑ์อุปโภคบริโภค รวมถึงปรับกลยุทธ์การส่งออกกระดาษบรรจุภัณฑ์ไปยังประเทศต่าง ๆ ในอาเซียน เอเชียใต้ และตะวันออกกลาง" 

อย่างไรก็ตาม SCGP สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการลดต้นทุนด้วยการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Machine Learning รวมถึงการจัดการต้นทุนพลังงานและวัตถุดิบกระดาษรีไซเคิล (RCP) ที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 ของปี 2568 มีรายได้จากการขาย 32,209 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน มี EBITDA เท่ากับ 4,232 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และมีกำไรสำหรับงวด 900 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน

สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ไตรมาสที่ 2 ปี 2568 คาดว่าอาเซียนมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง ความต้องการในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคยังคงเติบโตจากนโยบายกระตุ้นภายในประเทศ โดยคาดว่า GDP จะเติบโตเฉลี่ย 2-7% ซึ่งมีความแตกต่างกันในแต่ละประเทศ โดยที่ยังคงสูงกว่าภูมิภาคอื่น และความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์กลุ่มสินค้าส่งออกที่เพิ่มขึ้นในช่วงก่อนการบังคับใช้มาตรการภาษีนำเข้า สำหรับต้นทุนวัตถุดิบกระดาษรีไซเคิลและค่าขนส่งมีแนวโน้มปรับขึ้นเล็กน้อยจากความต้องการในภูมิภาค ขณะที่ต้นทุนพลังงานมีแนวโน้มทรงตัว และมีความท้าทายจากภาคการส่งออกที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

SCGP สู้ศึกภาษีสหรัฐ ทุ่ม 1.3 หมื่นล้าน ลุยอุปกรณ์แพทย์ ใช AI ต่อยอดธุรกิจ

สำหรับการรับมือจากมาตรการภาษี (Reciprocal Tariff) SCGP ได้เตรียมแผนเชิงรุก มุ่งปรับตัวรวดเร็ว สร้างความสามารถและความได้เปรียบในการแข่งขันผ่านคุณภาพสินค้า ความร่วมมือ สร้างความเป็นเลิศด้านการตลาด (Marketing Excellence) เพื่อส่งมอบสินค้า บริการและโซลูชันที่ตอบโจทย์ลูกค้า 

นอกจากนี้ SCGP ยังได้เตรียมแผนการใช้ประโยชน์จากฐานการผลิตที่ตั้งอยู่ในหลายประเทศและความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ ทำให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงแผนการส่งออกสินค้าไปยังตลาดใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพสูง อีกทั้งยังมีการบูรณาการห่วงโซ่อุปทาน เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า และการจ้างผลิตเพื่อให้ได้ต้นทุนที่แข่งขันได้ เช่น การผลิตบรรจุภัณฑ์อาหารในยุโรปตะวันออก  

 "เราจะศึกษาการลงทุนในสหรัฐ ลูกค้าต้องการให้ตั้งโรงงานในสหรัฐ แต่เรามองว่าแทนที่จะตั้งโรงงานจึงใช้วิธีการเป็นแวร์เฮาท์กับลูกค้าเดิมที่มีลูกค้าสัญญาการซื้อขาย 3 ปี เพราะวันนี้สถานการณ์เปลี่ยนหากประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ไม่อยู่แล้วการลงทุนตั้งโรงงานที่มีมูลค่าสูงและระยะยาวจึงต้องคิดให้ดี จึงต้องให้ความสำคัญสุดคือลูกค้า โดยจะใช้วิธีร่วมมือกับพันธมิตรในการลงทุนเป็นหลัก"

ทั้งนี้ บริษัทฯ จะเน้นการปรับตัวในจังหวะที่โลกผันผวน และกระแสเงินสดที่เป็นสิ่งสำคัญ โดยบริษัทฯ มีกระแสเงินสดกว่า 12,211 ล้านบาท หนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย 64,110 ล้านบาท และต้นทุนทางการเงินเฉลี่ย 4% โดยอัตราส่วนหนี่สินสุทธิต่อ Ebitda อยู่ที่ 3.4 เท่า โดย CAPEX 1,143 ล้านบาท ในไตรมาส 1 จากแผนงบลงทุนปีนี้ที่ตั้งไว้ 1.3 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นงบลงทุน M&P และขยายกำลังการผลิต 8,000-10,000 ล้านบาท และงบประมาณสำหรับซ่อมบำรุงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องจักร พัฒนาเทคโนโลยี นวัตกรรม และ ESG ราว 3,000-5,000 ล้านบาท 

ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังเดินหน้ากลยุทธ์สร้างการเติบโตด้วยการมุ่งเน้นขยายตลาดในอาเซียน รวมถึงการเพิ่มโอกาสใหม่ในกลุ่มสินค้าบรรจุภัณฑ์สำหรับผู้บริโภค เพื่อนำเสนอโซลูชันบรรจุภัณฑ์ครบวงจร โดยได้ร่วมลงทุนในบริษัทโฮวะ แพ็คเกจจิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ในสัดส่วน 25% กับ Howa Sangyo Company Limited เพื่อผลิตบรรจุภัณฑ์แบบอ่อนตัวสำหรับอาหารสัตว์เลี้ยงชนิดเปียก ด้วยกำลังการผลิต 6,000 ตันต่อปี 

SCGP สู้ศึกภาษีสหรัฐ ทุ่ม 1.3 หมื่นล้าน ลุยอุปกรณ์แพทย์ ใช AI ต่อยอดธุรกิจ

ซึ่งคาดว่าจะเริ่มการผลิตในเดือนมิ.ย. 2568 และเดินหน้ากลยุทธ์การเติบโตในตลาด Healthcare Supplies ด้วยการผสานความร่วมมือกับ Once Medical Company Limited (Once) นำความเชี่ยวชาญมาผลิตหลอดฉีดยาและเข็มฉีดยาที่บริษัทวีอีเอ็ม (ไทยแลนด์) จำกัด (VEM-TH) ในประเทศไทย ด้วยงบลงทุนประมาณ 142.3 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มการผลิตเชิงพาณิชย์ในเดือนม.ค. 2569 ซึ่งจะช่วยลดการพึ่งพาการนำเข้ากระบอกฉีดยาและเข็มฉีดยาของประเทศไทย และช่วยเพิ่มโอกาสการขายผ่านช่องทางของ Deltalab, S.L. ในประเทศสเปนด้วย

บริษัทฯ ได้มุ่งพัฒนานวัตกรรมบรรจุภัณฑ์เพื่อความยั่งยืน โดยสัดส่วนรายได้จากกลุ่มสินค้านวัตกรรมและโซลูชัน คิดเป็น 39% ของรายได้จากการขายรวมในไตรมาสที่ 1 ของปี 2568 ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 37% ในปี 2567 และล่าสุด Paper Cutlery หรือนวัตกรรมช้อน ส้อม และมีด ที่ผลิตจากกระดาษ แบรนด์ “Fest by SCGP” ได้รับรางวัลชนะเลิศ THAIFEX-HOREC Innovation Awards จากเวที THAIFEX-HOREC Asia 2025 นอกจากนี้ SCGP ขับเคลื่อน ESG เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยในไตรมาสแรก สามารถเพิ่มสัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงชีวมวลเป็น 42% จาก 38% ในปีก่อน ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้