ได้เวลาเที่ยว! ทริคง่ายๆ ในการใช้จ่ายเวลาไปเที่ยวต่างประเทศ

ได้เวลาเที่ยว! ทริคง่ายๆ ในการใช้จ่ายเวลาไปเที่ยวต่างประเทศ

ภาพการเช็คอินที่สนามบินสุวรรณภูมิที่คลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติในช่วง 1 - 2 เดือนที่ผ่านมาหลังจากที่หลายๆ ประเทศผ่อนคลายเกณฑ์การเข้าประเทศ สะท้อนได้ดีถึงความอัดอั้นในการเดินทางระหว่างประเทศที่ห่างหายไปนานตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19

ซึ่งไม่ต่างจากการเติบโตของตัวเลขการใช้จ่ายในร้านค้าต่างประเทศของผู้ใช้งาน YouTrip ผู้ให้บริการดิจิทัลวอลเล็ตรองรับหลายสกุล ในช่วงเดือนเมษายนและพฤษภาคมที่ผ่านมา ที่เติบโตขึ้นแบบก้าวกระโดดกว่า 13 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยมีจุดหมายปลายทางหลักคือ อังกฤษ ฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ สิงคโปร์ และ สหรัฐอเมริกา

ทริคง่ายๆ ในการใช้จ่ายเวลาไปเที่ยวต่างประเทศ

การเดินทางระหว่างประเทศที่เริ่มกลับมาคึกคักแบบนี้ จึงมักมีคำถามอยู่เสมอว่า “เวลาไปเที่ยวต่างประเทศควรจ่ายด้วย เงินสด บัตรเครดิต หรือ Travel Card ดีกว่ากัน” ซึ่งเราได้หยิบข้อได้เปรียบ เสียเปรียบของการจ่ายเงินแต่ละประเภท รวมถึงทริคง่ายๆ ในการใช้จ่ายมาปัดฝุ่นเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับทริปต่างประเทศครั้งต่อไป

เงินสด

นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่น่าจะนึกถึงการแลกและถือเงินสดเวลาต้องเดินทางไปต่างประเทศ เพราะความสะดวกในการควบคุมการใช้จ่าย รู้ต้นทุนของเงินที่เราแลกไป และไม่ต้องกังวลว่าร้านค้าจะรับบัตรหรือไม่ อย่างไรก็ตามการฝ่ารถติดเพื่อไปแลกเงิน ก็เพิ่มความลำบากในปัจจุบันที่รถในกรุงเทพกลับมาติดอย่างมาก

การเข้าสู่สังคมไร้เงินสดโดยเฉพาะประเทศในทวีปยุโรป และการถือเงินสดจำนวนมากเวลาเดินทางไปต่างประเทศ อาจสร้างความกังวลใจเวลาไปเที่ยว ซึ่งนอกจากจะไม่สามารถใช้เงินสดตามโรงแรมหรือร้านอาหารที่ไม่รับเงินสดเช่นหลายๆ ที่ในอังกฤษแล้ว อาจยังต้องคอยเป็นห่วงความปลอดภัยมากกว่าจะได้สนุกกับการเดินทาง

เงินสดติดกระเป๋ายังคงเป็นสิ่งที่เราแนะนำให้มีโดยเฉพาะในยามฉุกเฉิน ดังนั้นหากจะแลกเงินเพื่อติดกระเป๋าก่อนเดินทาง เราควรแลกเงินที่ร้านแลกเงินก่อนออกเดินทางเพื่อให้ได้อัตราแลกเปลี่ยนที่ดี และควรหลีกเลี่ยงการแลกเงินที่สนามบิน หรือการแลกเงินที่ต่างประเทศเพราะอาจเจออัตราแลกเปลี่ยนที่สูงกว่าได้

บัตรเครดิต

นักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยน่าจะนึกถึงบัตรเครดิตเป็นอันดับแรกเวลาจะใช้จ่ายเป็นสกุลเงินต่างประเทศ เพราะความสะดวกในการใช้จ่ายผ่านวงเงินที่มี และการสะสมพอยต์เวลาใช้จ่ายที่เมืองนอกเพื่อแลกไมล์สำหรับการเดินทางในทริปถัดไป

อย่างไรก็ดีการใช้บัตรเครดิตในการใช้จ่ายจะมีค่าความเสี่ยงจากการแปลงสกุลเงินต่างประเทศที่ 2.0% - 2.5% จากอัตราแลกเปลี่ยนที่ผู้ให้บริการ เช่น VISA หรือ Mastercard เรียกเก็บ และนอกจากนี้อัตราแลกเปลี่ยนที่ผู้ให้บริการเรียกเก็บก็อาจจะสูงกว่าอัตราแลกเปลี่ยนที่เราเห็นจากร้านแลกเงิน หรือ Travel Card อีกด้วย

ข้อสำคัญเวลาใช้จ่ายด้วยบัตรเครดิต คือ ให้เลือกจ่ายเป็นสกุลเงินของประเทศนั้นๆ เสมอ เช่น ถ้าไปเที่ยวประเทศในทวีปยุโรป ก็ให้เลือกจ่ายเป็นเงินยูโร เพราะเมื่อไรก็ตามที่เราเลือกจ่ายเป็นเงินบาทแม้จะสะดวกเพราะสามารถรู้ยอดเงินที่เราต้องจ่ายเป็นเงินบาทได้ทันที แต่อัตราแลกเปลี่ยนที่เราจะต้องจ่ายอาจสูงกว่าถึง 6% - 8%

การเลือกจ่ายเป็นเงินบาทนี้รู้จักกันในบริการ Dynamic Currency Conversion หรือ DCC ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการจ่ายแบบ DCC ในทุกกรณี หากต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายเวลาไปต่างประเทศ

Travel Card

Travel Card หรือ ดิจิทัลวอลเล็ตรองรับหลายสกุล เช่น YouTrip กลายเป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวในปัจจุบันนิยมใช้เวลาเดินทางไปต่างประเทศ เพราะใช้จ่ายได้สะดวกไม่ต่างจากบัตรเครดิต แถมได้อัตราแลกเปลี่ยนที่ดีกว่า และไม่มีค่าความเสี่ยงจากการแปลงสกุลเงินต่างประเทศที่ 2.0% - 2.5% สามารถแลกเงินล่วงหน้าเก็บไว้ได้

หากเห็นค่าเงินที่ต้องการอ่อนค่าลง ก็สามารถแลกง่ายภายในแอปไม่ต้องเดินทางฝ่ารถติดให้ยุ่งยาก ทำให้สามารถบริหารต้นทุนการซื้อเงินตราต่างประเทศได้ง่ายขึ้น หากต้องการเงินสดที่ต่างประเทศ ก็สามารถกดเงินสดได้ที่ตู้ ATM ซึ่งก็อาจมีค่าบริการที่ตู้ ATM เรียกเก็บ นอกจากนี้ยังมีโปรโมชั่นเวลาใช้จ่ายเพื่อความคุ้มค่าอีกด้วย

เราหวังว่าทริคง่ายๆ เหล่านี้จะช่วยให้นักท่องเที่ยวสามารถตัดสินใจเลือกวิธีการใช้จ่ายที่เหมาะสมกับความต้องการ สามารถประหยัดเงินเวลาไปเที่ยวในทริปต่างประเทศครั้งต่อไปได้มากขึ้น และกลับมามีความสุขในการเดินทาง พักผ่อน หาประสบการณ์ใหม่ๆ อีกครั้ง