โดยแต่ละครัวเรือนจะผลิตสินค้าที่ถนัด และนำไปแลกเปลี่ยนระหว่างครัวเรือน แต่เมื่อสังคมและเศรษฐกิจมีการขยายตัวบวกกับความเจริญก้าวหน้ามากขึ้น ทำให้ วิวัฒนาการของระบบการเงิน (Evolution of Money) จึงกำเนิดขึ้น
โดยวิวัฒนาการของ Fintech (Evolution of Fintech) ก็ได้พัฒนาหลังจากระบบการเงินแบบดั้งเดิมที่เริ่มต้นมาจากเครดิตการ์ด ตู้ ATM รวมไปถึง NASDAQ ที่เป็นตลาดซื้อขายหลักทรัพย์ทางอิเล็กทรอนิกส์แห่งแรกของโลก และมี SWIFT ที่เปิดระบบการเงินข้ามพรมแดนให้หลาย ๆ ประเทศ นอกจากนั้น ก็มีการทำธุรกรรมการเงินผ่าน Online Banking และหลายปีที่ผ่านมาก็สามารถที่จะซื้อขายผ่านออนไลน์ได้
โดยไม่กี่ปีมานี้ คริปโตฯ และ CBDC ก็เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกระแสความสนใจของคนทั่วไป ซึ่งวันนี้ก็จะมาพูดถึงคริปโตฯ และ CBDC ว่ามีความเชื่อมโยงและส่งผลต่อเศรษฐกิจอย่างไรบ้าง โดยจะยกตัวอย่างในหลากหลายมิติ เช่น ในเชิงนวัตกรรม (Innovation), การลงทุน (Investment) และการงาน (Job) ที่ในหลาย ๆ ประเทศมีการพัฒนา สนับสนุน และศึกษาในปัจจุบัน
หากมองในมุมของนวัตกรรม คริปโตฯ และ CBDC ที่สร้างบน Digital Ledger/ Distributed Ledger ทำให้ธุรกรรมต่าง ๆ สามารถบันทึกข้อมูลได้ และง่ายต่อการติดตามแหล่งที่มาของการทำธุรกรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีต่อผู้ใช้งานทุกฝ่าย นอกจากนั้น สามารถที่จะรองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจ สังคม ความเจริญก้าวหน้าสู่โลก Digital ซึ่งบ่งบอกได้ว่านวัตกรรมที่กำลังเกิดนี้สามารถที่จะนำไปต่อยอดให้เกิดประโยชน์ได้อีกในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นนวัตกรรมของ Cybersecurity, Blockchain, Big Data, Database, NFTs และ Banking ที่ล้วนมีประโยชน์ต่อหลายอุตสาหกรรมในเศรษฐกิจของประเทศ
โดยในแง่เศรษฐกิจ นวัตกรรมคือการพัฒนาและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและแนวคิดเพื่อปรับปรุงสินค้าและบริการ หรือทำให้การผลิตมีประสิทธิมากขึ้น เฉกเช่นเดียวกับการนำระบบการเงินแบบดั้งเดิมมาพัฒนาให้เกิดนวัตกรรมทางเศรษฐกิจ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งว่านวัตกรรมมีส่วนสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจสู่ผลผลิตที่สูงขึ้น และเพิ่มโอกาสในการแข่งขันด้วยนั่นเอง
ในมุมของการลงทุนในทางเศรษฐกิจ การลงทุนเป็นส่วนหนึ่งของอุปสงค์รวม (AD) ซึ่งหากการลงทุนเพิ่มขึ้นก็จะช่วยกระตุ้น AD และการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะสั้น แต่ทว่ามีกำลังการผลิตสำรองก็จะเพิ่มอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจได้อีก โดยเมื่อมีนวัตกรรมใหม่เกิดขึ้นและมีคนสนใจลงทุนในธุรกิจคริปโตฯ หรือ CBDC มากขึ้นในอุตสาหกรรมอนาคตก็ช่วยในการเติบโตของเศรษฐกิจได้ เพราะถือว่าเป็นนวัตกรรมใหม่และสามารถดึงดูดทั้งต่างชาติและคนในประเทศให้มาลงทุนในประเทศได้
อาจจะเป็นในมุมที่เข้าเปิดบริษัทวิจัยในประเทศเกี่ยวกับคริปโตฯ Blockchain Big Data Banking หรือ Cybersecurity และดึงคนเก่งจากทั่วทุกมุมโลกมาทำงานร่วมกันในธุรกิจใหม่ได้อีกด้วย หรือเปิดโอกาสในการใช้ CBDC ในต่างประเทศและในประเทศ เพื่อเพิ่มโอกาสและตัวเลือกในการลงทุนและทำธุรกิจที่มีความปลอดภัยและรวดเร็วของระบบ Digital Ledger/Distributed Ledger ซึ่งมีความสำคัญต่อการพัฒนาของประเทศเพราะเป็นแหล่งที่สร้างการจ้างงาน และเพิ่มการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) และทำให้เกิดความเจริญทางเศรษฐกิจและปรับปรุงสวัสดิการโดยทั่วไป
ต่อมาจากหัวข้อการลงทุน เมื่อมีการลงทุนก็จะมีอัตราการจ้างงานที่เพิ่มมากขึ้น ไม่เพียงแต่อัตราการจ้างงานจะเพิ่มมากขึ้น แต่ระบบการศึกษาก็จะสอดใส่ความรู้เกี่ยวกับด้านดิจิทัลและปรับให้เข้ากับสถานการณ์ในปัจจุบัน ซึ่งทำให้สามารถที่จะผลิตบุคลากรที่มีคุณภาพบวกกับความรู้ด้านดิจิทัลและรู้ทันเกี่ยวกับอาชญากรรมไซเบอร์ (Cyber Crime) มากขึ้น และยังเป็นส่วนที่ทำให้มีความหลากหลายของงานที่เกิดขึ้นใหม่ อาจจะเป็นนักพัฒนา นักวิจัย นักวิเคราะห์ หรือฝ่ายดูแลลูกค้าที่เน้นวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ใช้งาน ฯลฯ
ส่วนในประเทศที่ต้องการลดการพึ่งพาของเงินดอลลาร์ในระบบเศรษฐกิจของประเทศ สิ่งนี้ก็จะช่วยในเรื่องลดต้นทุนการโอน การลงทุนจากต่างประเทศหรือกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับการมีนวัตกรรมใหม่เพื่อให้มีอุตสาหกรรมหลากหลายในประเทศ และย้ายบุคลากรมาสู่โลกดิจิทัล หรือบุคลากรสามารถปรับใช้ได้ แม้ว่าจะอยู่ในอุตสากรรมการเกษตรก็ตาม และสามารถลดความเสี่ยงในด้านความมั่นคงต่าง ๆ นอกจากนั้น ในส่วนของ Retail ก็สามารถที่จะนำไปปรับใช้เป็นวงกว้าง และถือเป็นโอกาสของการทำงานในโลกยุคใหม่สำหรับธุรกิจและคนที่กำลังหางาน
กล่าวโดยสรุป นวัตกรรมที่เกิดใหม่ในแต่ละยุคสมัยล้วนเป็นสิ่งที่นำมาปรับใช้และพัฒนาเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ใช้งานทุก ๆ ฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นในด้านความสะดวก ความปลอดภัย โอกาสในการแข่งขัน การเรียนรู้ใหม่ ๆ และง่ายต่อการเข้าถึงในยุคโลกาภิวัตน์ (Globalization) ทำให้ไม่ว่าจะเป็นคริปโตฯ หรือ CBDC ที่อยู่ในวงจรวิวัฒนาการของ Fintech (Evolution of Fintech) ก็มีปัจจัยต่อเศรษฐกิจเช่นเดียวกัน
