กรรมเก่าจะตามล่าอเมริกาต่อไป | ไสว บุญมา
วันที่ 19 มิถุนายนปีนี้มีการฉลอง 2 อย่างพร้อมกันในสหรัฐ นั่นคือ ฉลอง “วันพ่อ” ซึ่งทำตามประเพณีเนื่องจากเป็นวันอาทิตย์ที่ 3 ของเดือนมิถุนายนและฉลองการเป็นวันหยุดงานอย่างเป็นทางการทั่วสหรัฐเป็นครั้งแรก
หลังจากรัฐบาลกลางตรากฎหมายให้วันนี้เป็นวันสำคัญเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ในวันที่ 19 มิถุนายน 2403 เมื่อการประกาศเลิกทาสของรัฐบาลกลางได้นำไปสู่การปฏิบัติในสหรัฐอย่างทั่วถึงหลังจากเท็กซัส ซึ่งเป็นรัฐสุดท้ายของฝ่ายใต้พ่ายแพ้แก่ฝ่ายเหนือในสงครามกลางเมือง หรือสงครามเลิกทาส
การที่เวลาผ่านไปกว่า 150 ปีก่อนที่รัฐบาลกลางจะสามารถประกาศวันนี้ เป็นวันสำคัญถึงขั้นตรากฎหมายให้เป็นวันหยุดได้บ่งบอกถึงการต่อต้านการยอมรับคนผิวสีว่า มีความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกับตนของคนอเมริกันผิวขาว ซึ่งยืดเยื้อมาจนถึงวันนี้และจะมีต่อไป
คงเป็นที่ทราบกันอย่างกว้างขวางแล้วว่า ตอนที่สหรัฐประกาศเอกราชจากอังกฤษเมื่อปี 2319 ชาวอเมริกันผิวขาวมีทาสเป็นคนผิวดำซึ่งถูกนำไปจากทวีปแอฟริกา หรือไม่ก็เป็นลูกหลานของผู้ที่ถูกล่าและนำข้ามทะเลไปก่อนแล้ว คนผิวขาวไม่นับคนผิวดำเป็นมนุษย์เท่าเทียมกับตน
ด้วยเหตุนี้ คนผิวดำจึงไม่มีสิทธิ์อะไรในรัฐธรรมนูญของสหรัฐนอกจากเป็นสินค้าซึ่งซื้อขายกันแบบวัวควายสำหรับใช้ทำงานในไร่นา หรือแรงงานรับใช้ในบ้านของคนผิวขาว ประธานาธิบดีคนแรก ๆ ของสหรัฐซึ่งมาจากรัฐทางใต้จึงมีทาสไว้ใช้ในบ้าน หรือในกิจการเกษตร
"ส่วนรัฐทางเหนือไม่ต้องการมีทาสส่งผลให้เกิดความขัดแย้งกันขั้นรุนแรงจนเป็นสงครามกลางเมือง"
แม้ฝ่ายเหนือจะชนะสงครามนั้นและประกาศเลิกทาสทั่วประเทศได้สำเร็จในปีดังกล่าว แต่รัฐทางใต้ยังหาวิธีกีดกันสารพัดที่จะมิให้คนผิวดำมีสิทธิ์เท่าเทียมกับคนผิวขาวเพราะพวกเขารังเกียจคนผิวดำแบบเข้ากระดูก เวลาผ่านมาอีก 100 ปีก่อนที่รัฐบาลกลางจะสามารถตรามาตรการที่เข้มข้นจนบังคับให้รัฐต่าง ๆ ยุติการกีดกันคนผิวดำได้
กระนั้นก็ตาม การรังเกียจคนผิวดำยังมีอยู่ลึก ๆ อย่างกว้างขวางดังจะเห็นได้จากตัวอย่างที่เป็นข่าวอื้อฉาวเมื่อเร็ว ๆ นี้ เช่น หนุ่มผิวขาวอายุ 18 ปีบุกเข้ายิงคนผิวดำตาย 10 คนกลางตลาดในย่านของคนผิวดำ ตำรวจผิวขาวเอาเข่ากดคอคนผิวดำไว้กับพื้นถนนจนคนผิวดำเสียชีวิต และคนผิวขาว 3 คนไล่ล่าและฆ่าคนผิวดำเพียงเพราะเขาวิ่งออกกำลังกายผ่านไปในย่านบ้านของตน
การรังเกียจผิวอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลานานส่งผลให้คนผิวดำเสียเปรียบคนผิวขาวแทบทุกด้าน หนึ่งในผลร้ายของมันได้แก่ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ข้อมูลล่าสุดบ่งว่า ครอบครัวชาวอเมริกันผิวขาวมีทรัพย์สินสุทธิโดยเฉลี่ยครอบครัวละเกือบ 1 ล้านดอลลาร์ซึ่งเป็นราว 7 เท่าของครอบครัวชาวอเมริกันผิวดำ
ชาวอเมริกันผิวขาวราว 9% มีรายได้ไม่พอสำหรับเลี้ยงชีพเบื้องต้น หรือยากจน ส่วนชาวอเมริกันผิวดำกว่า 21% เป็นคนยากจน ความเหลื่อมล้ำแบบนี้ย่อมมีผลร้ายต่อไป ด้วยเหตุนี้จึงมีความเคลื่อนไหวหลายด้านที่จะช่วยให้ชาวอเมริกันผิวดำตามทันชาวอเมริกันผิวขาว
หนึ่งในแนวคิดสำคัญได้แก่ มาตรการคิดค่าชดใช้ให้แก่คนผิวดำซึ่งบรรพบุรุษถูกกระทำให้เป็นทาส มาตรการจำพวกนี้นอกจากจะมีความยากลำบากในด้านการสร้างกฎเกณฑ์และกลไกที่จะสามารถนำไปสู่การปฏิบัติจริงได้แล้ว ยังมีอุปสรรคที่น่าจะยากยิ่งกว่าอีกด้วย
นั่นคือ การต่อต้านอย่างเข้มข้นแบบหัวชนฝาของฝ่ายที่ต้องจ่ายในรูปของภาษี รวมทั้งชาวอเมริกันโดยทั่วไปนอกเหนือจากคนผิวขาวที่รังเกียจผิวเป็นทุนอยู่แล้ว
ในขณะนี้ชาวอเมริกันมีความเครียดสูงมากสืบเนื่องมาจากความเหลื่อมล้ำและความแตกแยกร้ายแรงทางสังคมและการเมืองที่ถูกซ้ำเติมด้วยไวรัสโควิด-19และภาวะเงินเฟ้อ ท่ามกลางวิกฤติภายใน สหรัฐถูกท้าทายจากภายนอกแบบเข้มข้นจนเป็นเสมือนกำลังทำสงครามเย็นอีกครั้ง ฉะนั้น จึงอาจคาดเดาได้ว่าสังคมอเมริกันจะต้องเผชิญกับภาวะรุ่มร้อนต่อไปอีกนาน.