วันหนึ่งจะรู้เอง ‘ทำไม่ไม่ควรพูด?’
ดูเหมือนยังไม่จบง่ายๆสำหรับการยื่นตรวจสอบคุณสมบัติทั้งในส่วนของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม รวมถึงและครม.(ประยุทธ์ 2)
ล่าสุดเป็นกรณีการถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนรับหน้าที่เมื่อวันที่16ก.ค.ที่ผ่านมา ที่มีการตั้งข้อสังเกตุว่า ไม่ครบตามรัฐธรรมนูญมาตรา 161 เนื่องจากมีบางถ้อยคำที่ขาดหายไป
เรื่องนี้มีถกเถียงกันทั้งจากแวดวงวิชาการวิชาการ รวมถึงแวดวงการเมือง มุมหนึ่งมองว่า บทบัญญัติรัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้ตายตัว ว่านายกฯและครม.จะต้องกล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณอันเป็นองค์ประกอบของสำคัญให้ครบถ้วนตามที่กำหนดไว้
ดังนั้นการถวายสัตย์ปฏิญาณของ “บิ๊กตู่” และครม.อาจมีผลกระทบทางการเมืองและทำให้ให้รัฐบาลชุดนี้เป็นโมฆะ ในการทำหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินอีกทั้งยังเป็นการขัดบทบัญญัติ ม.53 ในหมวดว่าด้วยหน้าที่ของรัฐด้วย
แต่ความเห็นอีกมุมหนึ่ง โดยเฉพาะฟากฝั่ง “พลังประชารัฐ” กลับมองว่า การเปิดประเด็นดังกล่าวเป็นเพียงการตีกินเพื่อเตะตัดขา “บิ๊กตู่” และรัฐบาลเท่านั้น ขณะที่ฟากฝั่งรัฐบาลดูเหมือนว่าจะนิ่งเงียบและยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนในประเด็นดังกล่าว
เมื่อประเด็นนี้ยังมีข้อถกเถียงกันไปมา ขณะที่ฝ่ายค้านยังคงเรียกร้องให้ “บิ๊กตู่” ออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อกรณีดังกล่าว ว่าแท้จริงแล้ว ลืมหรือจงใจกันแน่!
ประเด็นดังกล่าวทำท่าว่าจะไม่จบลงง่ายๆ เพราะท้ายที่สุดมีแนวโน้มว่า กรณีนี้อาจจะต้องไปจบที่การร้องวินิจฉัยโดยองค์กรอิสระ อาทิศาลรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) หรือผู้ตรวจการแผ่นดิน เป็นต้น
ขณะที่ความเห็นจากประธานรัฐสภา “ชวน หลีกภัย” ต่อกรณีดังกล่าวก่อนหน้านี้มีการพูดกลางสภาในทำนองว่า “สิ่งที่พูดถือเป็นข้อกล่าวหาที่รุนแรง ผู้พูดต้องรับผิดชอบ”
สอดคล้องกับรองนายกฯฝ่ายกฎหมาย “วิษณุ เครืองาม” ที่บอกว่า “แล้ววันหนึ่งจะทราบเองว่าทำไมไม่ควรพูด?” !!
โดย... ดารากร