สัจธรรมในสายลม จากมองโกลสู่นครปักกิ่ง !
เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา จากการไปร่วมประชุมในระหว่างผู้นำศาสนา ผู้นำจิตวิญญาณจากหลายประเทศทั่วโลกที่มองโกเลีย ซึ่งได้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 3 ในชื่อ Global Hindu-Buddhist Initiative on conflict Avoidance and Environment Consciousness ภายใต้ชื่อย่อ Samvad III ทำให้ได้ข้อคิดที่เป็นธรรมอันควรแก่การบันทึกและนำมาเผยแพร่..โดยเฉพาะบันทึกที่ใช้ชื่อว่า ปรารภธรรมที่นครปักกิ่ง เมื่อ 8 ก.ย.2562 ตามกิจนิมนต์ของสถานทูตไทยที่นครปักกิ่ง/จีน ที่เขียนบันทึกไว้ ดังนี้
“สืบเนื่องจากการเดินทางมายาวไกลหลายพันลี้ ข้ามน้ำข้ามทะเล ผ่านฟ้าสู่ตอนเหนือแดนมังกร แถบมองโกเลีย เพื่อร่วมประชุมกับผู้นำศาสนานานาชาติ ทั้งพุทธมหายาน/เถรวาท ฮินดู อิสลาม คริสต์ เพื่อหวังว่าจะได้ร่วมกันสานสร้างความคิด เพื่อสร้างสรรค์สันติภาพให้กับมนุษยชาติ
นั่งพิจารณาไปตามเรื่องราวที่ถูกหยิบยกจากแต่ละบุคคลที่ทรงความรู้ ประสบการณ์จากแต่ละศาสนา..แต่ละเชื้อชาติ ที่มานำเสนอแนวคิดเพื่อช่วยกันหาทางออกให้กับทุกหมู่ชน ในโลกแห่งความผันแปร มีภาวะขัดแย้งเป็นลักษณะธรรม ที่แสดงสามัญลักษณะของความเป็นโลก แม้ต่างศาสนา ต่างเชื้อชาติ จากนักการศาสนา ผู้นำจิตวิญญาณที่เดินทางมาจากหลากหลาย พื้นที่โลก
จึงได้เห็นหลากหลายแนวคิด ความเชื่อ จากทฤษฎีต่างๆ ของแต่ละศาสนา ลัทธิ โดยเฉพาะจากทิฏฐิของบุคคล ซึ่งดูเหมือนจะกลายเป็นอุปสรรคของการก้าวเดิน เพื่อข้ามไปให้พ้น หลีกออกจากภาวะความขัดแย้ง ด้วยความตระหนักรู้ ในภาวะธรรมชาติ ของโลกใบนี้
จริงแท้ แห่งปัญหา ที่เป็นสมุทัยของการไร้ความสงบสุข ก็จักพบความเห็นแก่ตัวในหมู่มนุษยชาติ อันมีเหตุปัจจัยมาจากกิเลส ในรูปของตัณหา
แท้จริง แห่งการเลี่ยงจากปัญหาแห่งความขัดแย้ง จึงอยู่ที่การลดละความเห็นแก่ตัว เห็นแก่ประโยชน์ของพวกพ้อง สังคมประเทศของตน ด้วยการให้ความเคารพในธรรม เป็นที่สุด
การคืนกลับมาสู่สังคมแห่งสันติภาพ เพื่อสืบสันติสุข แท้จริง อยู่ที่ความจริงแท้ของจิต ที่เจริญในพรหมวิหารธรรม อันเป็นหลักธรรมพื้นฐานของทุกศาสนา
ศาสนา จึงเป็นหัวใจสำคัญต่อการพัฒนาชีวิตของมนุษยชาติ โดยเฉพาะเมื่อศาสนานั้นมีคำสั่ง คำสอนที่เป็นสัจธรรม สามารถปฏิบัติได้จริง และให้ผลเป็นจริง ตรงตามสัจธรรมที่มีอยู่จริงในธรรมชาติ
ความสงบสุข จึงไม่ใช่เรื่องเกินวิสัยของมนุษยชาติ หากมนุษยชาติไม่ขาดหลักมนุษยธรรม .. เพื่อการดำเนินชีวิต
อนึ่ง การได้มีโอกาสไปนั่งภาวนาในเกอร์หลังขาว ในค่ำคืนที่ 6 กันยายน 2562กลางทุ่งหญ้ากว้างใหญ่บนที่ราบสูงของแผ่นดินมองโกล ใกล้เทือกเขาอันไต แผ่นดินดั้งเดิมของบรรพชนของชาวไทย จึงไม่สูญเปล่าเลย เมื่อได้มีโอกาสสวดมนต์ทำวัตรค่ำ อบรมจิตให้เข้าถึงหลักสัจธรรม ที่มีอยู่ในทุกอณูของกลิ่นอายธรรมชาติ ก่อนเดินทางกลับสู่ที่พัก ณ เมืองอูลันบาตอร์ เพื่อเตรียมเข้าประชุมนานาชาติฯ อีกวาระหนึ่ง ที่จะได้มีโอกาสนำสัจธรรมเสนอต่อที่ประชุม เพื่อบอกกล่าวให้เข้าใจถึง สันติและความสุขที่แท้จริง ซึ่งย่อมเกิดขึ้นได้จริง บนพื้นฐานของความมั่นคงในหลักคุรุธรรมของชาวโลกที่สืบมาจากอดีต ที่เรียกว่า ศีลธรรม หรือ หลักมนุษยธรรมในสมัยปัจจุบัน
สัจธรรมแห่งสันติภาพ และความสุข ในมวลมนุษยชาติ จักไม่ได้สูญหายไปตามกาลสมัย.. หากชาวโลกมีจิตสำนึกในฐานะสัตว์ประเสริฐ ดำเนินชีวิตตามครรลองศีลธรรม หรือเคารพในคุรุธรรม อันเป็นถิ่นฐานเดิมของบรรพชน ดังในยุครุ่งเรืองอารยธรรม
ในการเข้าร่วมประชุมเพื่อก่อปฏิญญาอูลันบาตอร์ระหว่างผู้นำศาสนา ผู้นำจิตวิญญาณจากนานาชาติในครั้งนี้ จึงได้มีโอกาสฝากแนวคิดที่แฝงไปด้วยธรรมชาติวิถีพุทธ ไว้ในจิตวิญญาณของมวลสมาชิกที่มาประชุมร่วมกันใน Samvad III ณ เมืองอูลันบาตอร์ มองโกเลีย เพื่อเป็นแนวคิดในการสรรสร้างหลักธรรมเพื่อสันติภาพสืบไป โดยก่อนเดินทางกลับประเทศไทย ได้ถือโอกาสรับนิมนต์แสดงธรรมที่สถานทูตไทย ณ กรุงปักกิ่ง เพื่อฝากสัจธรรมไว้ในสายลมแห่งจิตวิญญาณบนแผ่นดินเทียนอันเหมิน ซึ่งจักได้ก่อเกิดมงคลอันยิ่งเนื่องในวันชาติจีน 1ตุลาคมที่จะถึงนี้ !!
เจริญพร