“ช่อ” ผิดอะไร...

เพราะเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ ใครๆ ก็ทำได้ และไม่ได้บริจาคเกินจำนวนที่กฎหมายพรรคการเมืองกำหนดเอาไว้ในมาตรา 66 คือห้ามบริจาคเกิน 10 ล้านบาทต่อพรรคต่อปีด้วย

ส่วนที่มาของเงิน ในชั้นนี้ก็ไม่จำเป็นต้องบอกก็ได้ เพราะเป็นทรัพย์สินของ “คุณช่อ” ช่วงก่อนจะรับตำแหน่งทางการเมือง ไม่เกี่ยวกับที่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน

แต่เรื่องนี้มันจะเริ่มมีปัญหาหลังจากที่ “นักร้องฯศรีสุวรรณ” ไปยื่น กกต.ให้ขุดค้นที่มาของเงิน เพราะสงสัยว่าคนที่มีทรัพย์สินไม่มากนัก และมีเงินฝากแค่ 9 หมื่น จะใจถึงบริจาคให้ “นักการเมืองที่รัก พรรคการการเมืองที่ชอบ” ถึง 1 ล้านบาท คิดเป็น 1 ใน 3 ของทรัพย์สินที่มี และมากกว่าเงินฝากในธนาคารถึง 9 แสนกว่าบาทเชียวหรือ (คุณศรีสุวรรณคงคิดว่าไม่ใช่ศิษย์ธรรมกายนะ จะได้บริจาคแบบทุ่มสุดตัวขนาดนี้)

เอาจริงๆ การตรวจสอบที่มาของเงินบริจาค สามารถกระทำได้ เพราะกฎหมายห้ามพรรคการเมืองรับเงินบริจาคจากหลายแหล่งด้วยกัน สรุปง่ายๆ ได้แบบนี้

1.ห้ามรับเงิน หรือทรัพย์สินที่ควรรู้ว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีแหล่งที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย (ตามกฎหมายพรรคการเมืองมาตรา 72)

2.ห้ามรับเงินบริจาคจากบุคคลผู้ไม่มีสัญชาติไทย, นิติบุคคลตามกฎหมายต่างประเทศ, นิติบุคคลที่จดทะเบียนในประเทศ แต่มีคนต่างชาติถือหุ้นเกิน 49%, คณะบุคคลหรือนิติบุคคลที่ได้รับทุนหรือเงินอุดหนุนจากต่างประเทศ ซึ่งไม่ได้มีวัตถุประสงค์ดำเนินกิจการเพื่อประโยชน์ของคนไทย (ตามกฎหมายพรรคการเมืองมาตรา 74) ฯลฯ

เงื่อนไขของกฎหมาย 2 มาตราหลักๆ นี้ เมื่อกระบวนการตรวจสอบเริ่มขึ้น “คุณช่อ” ก็จำเป็นต้องตอบเรื่อง “ที่มาของเงิน”

ปัญหาอีกอย่างที่อาจจะเกิดขึ้นได้ก็คือ สมมติว่า “คุณช่อ” บริจาคเงินแทนคนอื่น เพื่อเลี่ยงกฎหมายที่ห้ามบริจาคเกิน 10 ล้านบาทต่อพรรคต่อปี ถ้าเป็นแบบนี้ และตรวจสอบเส้นทางเงินได้ ก็เข้าข่ายความผิดแน่ เพราะจะย้อนกลับไปละเมิดมาตรา 66 ทันที

แต่ทั้งหมดนี้ ถ้า “คุณช่อ” อธิบายที่มาของเงินได้อย่างโปร่งใส ไม่มีอะไรในกอไผ่ ก็ต้องยอมรับว่าเธอช่างทุ่มเทให้กับพรรคอนาคตใหม่จริงๆ ถือว่ามีอุดมการณ์ทางการเมืองอันแรงกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไปอย่างที่พรรคอนาคตใหม่ฝันเอาไว้

และที่แน่ๆ คงไม่ใช่การบริจาคเพื่อนำไปลดหย่อนภาษีตามที่กฎหมายพรรคการเมืองมาตรา 70 เปิดช่องให้หักภาษีได้ แต่ไม่เกิน 1 หมื่นบาทสำหรับบุคคลธรรมดา และไม่เกิน 5 หมื่นบาท สำหรับนิติบุคคล

หรือจะมีใครยอมเสียเงินบริจาค 1 ล้านบาท เพื่อลดหย่อนภาษี 1 หมื่นบาท?