สารธรรม .. จากใจ... เนื่องในวารดิถีปีใหม่ (2563)!!
เจริญพร สาธุชนผู้มีจิตใจเคารพธรรม ในวารดิถีเข้าสู่ปีใหม่พุทธศักราช 2563
จึงใคร่ฝากธัมมานุสติ เพื่อการดำเนินชีวิตไปบนเส้นทางที่รกรุงรังไปด้วยนานาอะสาระ ไร้แก่นสารของโลกใบนี้ ด้วยภาษาจีน 4 คำ ว่า "ชิน-อู้-กว้า-ไอ้" แปลว่า จิตไร้ความผูกพัน จากความหมายธรรมที่ว่าพึงทำจิตมิให้มีความยึดถือผูกพันในทุกสภาวะ
บนเส้นทางชีวิตที่ดำเนินไปบนวิถีธรรม ได้พิจารณาเห็นพฤติกรรม พฤติจิตของคนเราที่ต้องมีปฏิสัมพันธ์กัน จึงพบเห็นสิ่งที่เป็นจริงที่เป็นธรรมดาอย่างหนึ่งในหมู่ชน คือความแตกต่างกัน แม้ในความคล้ายกันในหมู่พี่น้องพ่อแม่เดียวกัน ทั้งนี้เป็นไปตามกรรมจำแนก วิบากที่ให้ผล และกิเลสที่สั่งสมกันมา
จึงทำให้เห็นลักษณะความเป็นตัวตนจากอำนาจกิเลสที่ปรุงแต่งสร้างสรรค์กิเลสพันหน้า ไปตามสภาพจิตใจของสัตว์นั้น โดยเฉพาะยามต้องประสบกับสิ่งที่ถูกใจ ไม่ถูกใจ จากการดำเนินชีวิตที่ต้องมีปฏิสัมพันธ์ไปตามวิถีอัตวาทุปาทาน อัตตสัญญา อัตตาทิฏฐิ
ด้วยการไม่เข้าใจธรรมชาติของกิเลส จึงทำให้คนเราเกิดความโง่เขลา เข้าไปรู้เห็นและยึดถือตามอานาจวิปลาสของจิตใจนั้นๆ จึงนำไปสู่การก่อร่างสร้างเหตุปัจจัย อันเป็นไปเพื่อความทุกข์ที่ไม่รู้จักจบจักสิ้นในแต่ละชีวิต และเราจึงมักจะใช้ความเห็นต่างไปสู่การสร้างความแตกต่างในการกระทำที่เป็นเหตุก่อให้เกิดความแตกแยกด้วยอำนาจกิเลสที่นำไปสู่การยึดถือในความแตกต่างที่ไม่เหมือนตนนั้น จนเกิดทิฏฐิวิปลาสปรุงแต่งลัทธิอัตตาธิปไตยขึ้น ให้ก่อเกิดขึ้นเป็นทิฏฐิในจิตสำนึกที่ยึดถือยึดมั่น เพื่อก่อการปฏิสัมพันธ์กันขึ้นระหว่างที่ขยายผลให้นำไปสู่ลัทธิคณาธิปไตย แม้ในคราบของคำว่าประชาธิปไตยที่ไม่เคารพธรรมในธรรมชาติ ดังปรากฏมีอยู่ในสังคมปัจจุบัน
ที่น่าศึกษาอย่างยิ่งคือ การแปรรูป ความเข้าใจจากกรณีความผิดพลาดบกพร่อง หรือความถูกต้องสมบูรณ์ ไปสู่การก่อบาปสร้างบุญอย่างไม่มีสติปัญญา แม้ในบุคคลที่หลงตนว่าเป็นปัญญาชน
จริงๆ แล้วเรื่องการกระทำถูกบ้างผิดบ้างไม่ใช่เรื่องที่แปลกกับทุกคน ดังที่ปรัชญาเมธีบุคคลได้ชี้ถามไปในกลุ่มบุคคลที่กำลังกล่าวโทษคนอื่นว่า ใครบ้างที่ไม่เคยทำผิดพลาดให้ก้าวเท้าออกมาแสดงตน
ปรากฏว่าทุกคนยืนนิ่งเงียบ เพราะรู้ตัวดีว่าตนเองก็เคยกระทำความผิดมาไม่น้อยเช่นกัน จากคำถามดังกล่าว เมื่อย้อนกลับมาสู่วิถีพุทธ เรามักจะได้ยินคำสั่งสอนเตือนจิตใจเราเสมอว่า
แม้แต่องค์พระบรมศาสดากว่าจะตรัสรู้ยังต้องผ่านผิดถูกมามากมาย แม้ในชาติสุดท้ายที่ต้องปฏิบัติเบียดเบียนตนมาถึง 6 ปีก่อนตรัสรู้ชอบโดยพระองค์เอง
ดังนั้น เรื่องการกระทำผิดบ้าง ถูกบ้าง จึงไม่ใช่เรื่องที่แปลก ผิดปกติในวิถีแห่งชีวิตสัตว์ทั้งหลาย ที่แม้ในพระอรหันต์ ก็ไม่ใช่จะสิ้นความถูกผิด แต่สำคัญที่สุดคือการไม่แปรความถูกผิดเป็นบุญเป็นบาปอีกต่อไป ตรงนี้คือความต่างระหว่าง จิตพระกับจิตคน
จึงปรากฏความจริงให้เห็นเป็นธรรมดาอยู่เสมอว่า คนเราโดยทั่วไปมักจะใช้ช่องความถูกผิดสร้างบาปกรรม บุญกรรม แต่ในอริยบุคคลจะใช้ช่องทางถูกผิดไปสู่การสร้างปัญญา สั่งสมบารมี ก่อความดีให้ยิ่งขึ้น ด้วยการยึดหลักละชั่วทั้งปวงที่ปุถุชนยากจะทำได้ให้เห็นเป็นความแตกต่าง
จึงไม่ควรแปรความถูกผิดเป็นบาปบุญ แต่ควรพิจารณาให้เกิดปัญญา นั่นคือวิถีอริยธรรมที่ปัญญาชนในวิถีพุทธควรโยนิโสมนสิการ
เนื่องในโอกาสจะเข้าสู่ปีใหม่ พ.ศ.2563 จึงขอมอบธัมมานุสติจากการพิจารณาในยามภาวนารับอรุณ สู่จิตใจกัลยาณมิตรทุกท่านที่มีความรักเคารพต่อกัน พึงได้สังวรระวังตั้งอยู่ในความไม่ประมาท เพื่อการดำเนินชีวิตอย่างไม่คลาดจากสติปัญญาสืบตลอดไป เทอญ
ปี พ.ศ. ตามภาพ ที่บันทึก
ให้ระลึก ถึงภัย ในสงสาร
มีเกิดตั้ง เสื่อมชรา ก่อนวายปราณ
อีกไม่นาน จักพบกัน ที่เชิงตะกอน
ปีใหม่ 2563 ..ระลึกธรรม.....อารยวังโส ภิกขุ
เจริญพร