เรียนออนไลน์ พัฒนาทักษะกับ MOOC
MOOC นำเสนอหลักสูตรที่ยกระดับความรู้และจิตใจ เช่น ปรัชญา ประวัติศาสตร์ ภาษา ศิลปะ วรรณกรรม เหมาะแก่การฆ่าเวลาในช่วงที่ต้องหยุดอยู่บ้าน
มีการประมาณการว่าโลกยุคหลังโควิด จะเป็นโลกที่มีความเสี่ยงสูงทั้งในทางเศรษฐกิจและสุขอนามัย การพัฒนาตนเอง เพิ่มพูนทักษะจะเป็นทั้งบันไดสู่ความก้าวหน้าและเครื่องป้องกันการถูกพักงาน
ในช่วงที่ต้องหยุดทำงานอยู่บ้าน (WFH) การพัฒนาตัวเองจึงเป็นสิ่งสำคัญ ผมเคยเขียนถึง การเรียนออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มขนาดใหญ่ ทั้งจากมหาวิทยาลัยและเว็บไซต์ต่างๆ ที่เสนอชุดความรู้ฟรีในแขนงต่างๆ มากมายที่เรียกว่า MOOC
MOOC (Massive Open Online Course) คือ การเรียนการสอนระบบเปิดสำหรับทุกคน ซึ่งได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และได้รับการตอบรับอย่างมากในปัจจุบัน เพราะนอกจากนำเสนอหลักสูตรที่ตรงใจประชาชนคนทั่วไปแล้ว หลักสูตรเหล่านี้ยังจัดทำโดยมหาวิทยาลัยชั้นนำทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญในสาขานั้นๆ
MOOC นอกจากเสนอหลักสูตรที่พัฒนาตนเองเพื่อเป็นแรงงานที่มีคุณภาพต่อระบบตลาดแล้ว ยังนำเสนอหลักสูตรที่จรรโลงยกระดับความรู้และจิตใจ เช่น ปรัชญา ประวัติศาสตร์ ภาษา ศิลปะ วรรณกรรม เรียกได้ว่าครบถ้วนเหมาะแก่การฆ่าเวลาในช่วงที่ต้องหยุดอยู่บ้านนี้ได้อย่างดี
การเรียนการสอนใน MOOC นั้นมีทั้งความเหมือนและต่างกับการเรียนการสอนจริงๆ ในห้องเรียนจริงๆ กล่าวคือ มีบทเรียนต่างๆ การลงเวลาเรียน ต้องอ่านหนังสือเพราะมีการทำแบบฝึกหัด และมีการสอบ เพียงแต่ผู้เรียนไม่จำเป็นต้องเข้าห้องเรียนคือเรียนอยู่ที่ไหนก็ได้ในโลก ขอให้มีวินัยเท่านั้น
MOOC ถือเป็นทางเลือกในการสร้างแต้มต่อหรือสร้างโปรไฟล์เพราะนอกจาก MOOC จะเสนอคอร์สออนไลน์ที่ตอบโจทย์อันเป็นที่ต้องการของบริษัทต่างๆ แล้ว ยังเสนอประกาศนียบัตรให้ผู้เรียนอีกด้วย ซึ่งผู้เรียนสามารถนำไปต่อยอดกับนายจ้าง โดยบริการออกประกาศนียบัตรนี้มีค่าใช้จ่ายซึ่งก็นำมาพัฒนาระบบเครือข่าย MOOC และรักษาคุณภาพโดยรวมของหลักสูตรต่อไป
จริงอยู่ที่ youtube ที่ถือเป็นอีกหนึ่งแหล่งความรู้นั้นเป็นที่นิยมและเข้าถึงง่าย เป็นมิตรกับผู้ใช้มากกว่า แต่สิ่งที่ MOOC มีแต่ youtube ไม่มีคือ 1.ความน่าเชื่อถือของเนื้อหา เพราะมหาวิทยาลัยลงมาเล่นเป็นผู้ผลิตเนื้อหาเอง 2.แพลตฟอร์มอำนวยความสะดวกให้ผู้เรียนและผู้สอนมีปฎิสัมพันธ์ร่วมกัน เมื่อเรียนแล้วก็ถามได้ ไม่ใช่แค่นั่งฟังอย่างเดียว 3.วินัยในการเรียน เนื่องจากต้องลงทะเบียนและเข้าชั้นเรียน (ออนไลน์) ให้ครบตามตกลง และ 4.มีการรับรองวิทยฐานะ ทำให้เวลาที่ลงทุนกับการหาความรู้พัฒนาตนเองนั้นไม่เสียเปล่า
ผมอยากจะยกตัวอย่างของ MOOC ทั้งในเมืองไทยและในเมืองนอกเพื่อให้ท่านผู้อ่านลองเข้าไปศึกษาดู ลองเข้าไปเล่นห้องเรียนออนไลน์เหล่านี้ดู อาจจะเจอคอร์สที่ตรงจริตความชอบเพื่อต่อยอดทางปัญญา เพิ่มพูนทักษะ และอาจช่วยแก้เหงาในช่วงที่ต้องทำงานอยู่บ้านได้ครับ โดยท่านสามารถค้นหาได้จากเว็บไซต์มหาวิทยาลัยต่างๆ ทั่วโลกได้เลยหรือจะลองดูตามลิงก์ในบทความนี้ก็ได้ครับ
www.coursera.org ที่มีมหาวิทยาลัยและพันธมิตรกว่า 190 สถาบัน 43 ประเทศทั่วโลก เช่น Duke, Johns Hopkins University
www.edx.org รวบรวมกว่า 70 สถาบัน โดยมีเจ้าของเว็บนี้คือ มหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกอย่าง Harvard และ MIT
https://mooc.chula.ac.th ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
https://library.tu.ac.th/th/e-learnings/moocs หรือ www.skilllane.com ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
หรืออื่นๆ ที่ได้รับความนิยม อาทิ https://www.udacity.com