คนไทยได้หน้า ฝรั่งมังค่าได้เงิน
สัปดาห์ที่ผ่านมาคณะกรรมการการแข่งขันและผู้บริโภคของออสเตรเลียได้ออกมาเปิดเผยว่ากว่า 80 % ของรายได้ของสื่อดิจิทัลในประเทศออสเตรเลียนั้น
ได้ตกเป็นของธุรกิจข้ามชาติ ได้แก่ กูเกิล เฟสบุ๊ค และยูทูป และเหลือไม่ถึง 20 % ของรายได้ให้กับสื่ออื่นๆซึ่งรวมไปถึงธุรกิจสื่อและเว็บไซต์ภายในประเทศของออสเตรเลีย
จากข้อมูลของปี 2019 จากทั้งหมดของรายได้ของสื่อดิจิทัลนั้น 59 % ตกเป็นของบริษัทกูเกิลในขณะที่28 % ตกเป็นของบริษัทเฟสบุ๊คและเหลือเพียง 19 % ที่ตกเป็นของธุรกิจสื่อและเว็บไซต์ที่เหลือ
นอกเหนือจากด้านของการแข่งขันคณะกรรมการการแข่งขันและผู้บริโภคของประเทศออสเตรเลียยังได้แสดงความเป็นห่วงในด้านของผู้บริโภคด้วยว่าความเหลื่อนไหวของผู้บริโภคชาวออสเตรเลียในโลกดิจิทัลกำลังถูกติดตามโดยสองบริษัทใหญ่กูเกิลและเฟสบุ๊คซึ่งกำลังได้ประโยชน์เป็นอย่างมากจากข้อมูลของผู้บริโภคเหล่านี้
ทั้งนี้ รัฐบาลของประเทศออสเตรเลียก็ไม่ได้นิ่งดูดายและอยู่ระหว่างการออกกฎหมายที่จะสร้างความสมดุลในการแข่งขันระหว่างธุรกิจข้ามชาติและธุรกิจสื่อและเว็บไซต์ในประเทศโดยจะกำหนดให้เจ้าของแพลตฟอร์มข้ามชาติเหล่านี้ต้องมีการแชร์รายได้ให้กับธุรกิจในประเทศ
ซึ่งธุรกิจแพลตฟอร์ม เช่น กูเกิล เฟสบุ๊ค และยูทูป จะต้องจะต้องแบ่งรายได้อย่างสาสมให้กับธุรกิจเจ้าของคอนเทนต์ในประเทศ
เพราะที่ผ่านมาถูกมองว่าเจ้าของธุรกิจคอนเทนต์ในประเทศไม่มีอำนาจในการต่อรองกับเจ้าของแพลตฟอร์มข้ามชาติเหล่านี้เลย
อย่างไรก็ดี ทั้งกูเกิล เฟสบุ๊ค ต่างก็ออกมาต่อต้านการออกกฎหมายนี้ของออสเตรเลีย
กรณีของประเทศออสเตรเลียดังที่ได้กล่าวมาไม่ได้มีความแตกต่างกับประเทศส่วนใหญ่ในโลกซึ่งรวมถึงประเทศไทยที่ในปัจจุบันได้มีแพลตฟอร์มดิจิทัลข้ามชาติที่เป็นช่องทางหลักในการเข้าถึงโลกดิจิทัลสำหรับผู้บริโภคในประเทศและเจ้าของคอนเทนต์ในประเทศก็จำเป็นต้องอาศัยแพลต์ฟอร์มเหล่านี้ในการเข้าถึงผู้บริโภค
จริงอยู่ข้อดีของแพลต์ฟอร์มเหล่านี้ คือ การที่เปิดโอกาสให้เจ้าของคอนเทนต์โดยเฉพาะอย่างยิ่งรายเล็กสามารถมีหน้ามีตาและเผยแพร่ข้อมูลถึงผู้บริโภคได้แต่สิ่งที่มักจะเกิดขึ้นในที่สุดก็คือรายได้จำนวนมากที่ตกเป็นของแพลต์ฟอร์มเหล่านี้ซึ่งมีความได้เปรียบในการประหยัดจากขนาดในฐานะที่เป็นธุรกิจยักษ์ใหญ่ข้ามชาติ
ออสเตรเลียแม้จะเป็นฝรั่งด้วยกันก็เป็นหนึ่งตัวอย่างของประเทศที่ไม่ได้ยินยอมให้ธุรกิจในประเทศจะต้องมีความเสียเปรียบอีกตลอดไปและก็มีมาตรการที่น่าสนใจออกมาเรื่อยๆเพื่อสร้างความสมดุลทางการแข่งขันและพัฒนาธุรกิจในประเทศจึงเป็นอีกตัวอย่างที่น่าสนใจสำหรับรัฐบาลของไทยที่จะติดตาม
โดยหลายปีก่อนหน้านี้ออสเตรเลียก็เป็นหนึ่งในประเทศที่ริเริ่มจะเก็บภาษีเงินได้ของธุรกิจดิจิทัลข้ามชาติเหล่านี้ซึ่งในปัจจุบันก็มีหลายประเทศที่เริ่มนำมาประยุกต์ใช้เช่นกัน