สติปัญญาและการศึกษาเท่านั้นที่สามารถเปลี่ยนชีวิตคนได้
ช่วงต้นเดือนนี้ผมว่างเว้นจากการทำงานในเมืองหลวงที่วุ่นวาย ไปสัมผัสบรรยากาศชนบทในหมู่บ้านเทอดไทย อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ติดชายแดนไทย-พม่า มีวัตถุประสงค์หลักในการเปิดอาคารศูนย์การเรียนรู้ของมูลนิธิสร้างเสริมไทยแห่งที่ 12 นับตั้งแต่ก่อตั้งมูลนิธิขึ้นมาเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว
หมู่บ้านเทอดไทยมีความเป็นมายาวนานย้อนหลังไปตั้งแต่ยุคสงครามภายในประเทศจีนระหว่างกองทัพก๊กมินตั๋งของนายพลเจียงไคเช็คกับกองทัพปลดแอกประชาชนของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า หลังเพลี่ยงพล้ำต่อพรรคคอมมิวนิสต์ พรรคก๊กมินตั๋งก็ถอยร่นไปตั้งรกรากอยู่ในไต้หวันตั้งแต่ปี 2492 จวบจนถึงวันนี้
แต่หลายกองทัพที่กระจัดกระจายอยู่ทางตอนใต้ของจีนไม่อาจกลับไปรวมกับทัพใหญ่ได้ เช่นกองพล 93 จึงเร่ร่อนอยู่บริเวณชายแดนไทย-พม่าก่อนจะมาลงหลักปักฐานอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย รวมถึง “บ้านหินแตก” ในจังหวัดเชียงราย
ปัญหาใหญ่ของชุมชนชาวจีนและชาวเขาที่ต้องมาใช้ชีวิตร่วมกันก็คือการทำมาหาเลี้ยงชีพซึ่งในยุคนั้นยังไม่มีโอกาสเปิดกว้างมากนัก สุดท้ายจึงลงเอยที่การปลูกฝิ่นและยาเสพติดอื่นๆ ที่ทำรายได้ดีแต่ทำร้ายประเทศมหาศาล
ปัญหาดังกล่าวกลายเป็นปัญหากระทบถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเพราะบริเวณเพาะปลูกยาเสพติดดังกล่าวได้พัฒนามาจนกลายเป็น “สามเหลี่ยมทองคำ” อันหมายถึงแหล่งเพาะปลูกยาเสพติดที่ส่งออกไปยังหลายประเทศทั่วโลก จึงนำมาสู่โครงการพระราชดำริมากมายด้วยพระอัจฉริยะภาพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ยกระดับชีวิตและความเป็นอยู่ของชาวเขาและชาวจีนพลัดถิ่นซึ่งกลายมาเป็นพี่น้องชาวไทย รวมถึงบ้านหินแตกที่ได้รับพระราชทาน ชื่อใหม่ว่า “บ้านเทอดไทย” จากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เมื่อปี พ.ศ. 2525
หลังจากนั้นชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านก็ดีขึ้นตามลำดับ โดยไม่ต้องพึ่งพิงรายได้จากยาเสพติดอีกต่อไป ชุมชนบ้านเทอดไทยจึงหล่อหลอมความหลากหลายของชาวเขาเผ่าต่าง ๆ กับชาวจีนโพ้นทะเลซึ่งอยู่กันอย่างกลมกลืนและผสมผสานวัฒนธรรมที่แตกต่างเข้าด้วยกันจนเป็นเสน่ห์ให้นักท่องเที่ยวมาเยือนทุกคน
วิถีของชาวบ้านในชนบทแฝงไว้ด้วยความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะแสวงหาโอกาส จึงกลายเป็นที่มาของอาคาร “เรียนรู้คู่ความสนุก” (Center of Learning with Fun) แห่งที่ 12 ที่จัดสร้างและบริจาคโดยมูลนิธิสร้างเสริมไทย (The Better Thailand Foundation)
ผมเชื่อว่ามีเพียงสติปัญญาและการศึกษาเท่านั้นที่สามารถเปลี่ยนชีวิตคนได้ เพราะนี่คือปัจจัยการเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐานที่สุด ตราบใดที่พวกเขามีโอกาส ผมเชื่อว่าพวกเขาสามารถเปลี่ยนแปลงอนาคตของพวกเขาได้ ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับต่อเนื่องจากชีวิตความเป็นอยู่ ที่โครงการในพระราชดำริได้ยกระดับให้เขาแล้ว
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและความรู้ใหม่ๆ ที่เพิ่มพูนขึ้นทุกวัน ล้วนเป็นหนทางในการยกระดับให้เยาวชนคนรุ่นใหม่เรียนรู้สิ่งต่างๆ ที่เขาชอบได้จากแหล่งเรียนรู้ทั่วโลก การสร้างความรู้ให้เขาด้วยแหล่งเรียนรู้ใหม่จึงเป็นการเปิดโลกของเขาให้กว้างขึ้น และนั่นก็คือการเปิดโอกาสสู่ความสำเร็จของเขาในระยะยาว ซึ่งท้ายที่สุดแล้วเขาก็จะกลายเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศต่อไปในอนาคต