หุ้นใกล้1,500จุด :ว่าไงดี

หุ้นใกล้1,500จุด :ว่าไงดี

ความคืบหน้าแล้ว คืบหน้าอีกของวัคซีนโควิดที่นำโดย Pfizer และตามติดด้วย Moderna เป็นปัจจัยหลักที่ดึง fund flow กลับเข้าตลาดหุ้นทั่วโลก

จนฟื้นตัวต่อเนื่อง ส่วนหุ้นไทยนั้นก็สามารถขึ้นทะลุเพดาน 1,400 จุด ต่อเนื่องจนเกือบถึง 1,500จุด แล้ว 

ล่าสุดนี้มีผู้ผลิตวัคซีนรวม 10 รายที่มีความคืบหน้าในการทดสอบ จนมีประสิทธิภาพในระดับที่สบายใจ และรายสำคัญอย่าง Pfizer จะเริ่มผลิตล็อตแรกได้ 50 ร้านโดส ในปลายธันวาคมนี้และมีรายอื่นๆขยับจ่อตามมา

แม้วัคซีนวันนี้ ยังไม่สามารถส่งให้ทั่วโลกได้ใช้ แต่ผมคิดว่าทั่วโลกยังมีกระแสตอบรับทางบวกกับจังหวะความคืบหน้าของวัคซีนได้อีกระดับหนึ่ง

Fund flow ที่เพิ่งไหลกลับเข้ามายังสินทรัพย์เสี่ยงรวมถึงหุ้นไทย ยังน่าจะไหลเข้ามาอีกระยะหนึ่ง

คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกที่ทยอยฟื้นตัวนั้นก็น่าจะแข็งแรงขึ้นอีกในปี 2564 ตลาดหุ้นโลกปี 2564 น่าจะฟื้นตัวได้แต่ไม่มากนัก ทั้งนี้เพราะราคาหุ้นโลกได้ขานรับการฟื้นตัวไปก่อน จนดัชนีหุ้นหลายประเทศ year to date เป็นบวกไปแล้วเหมือนกับไม่เคยมีโควิดเกิดขึ้น

นอกจากเรื่องข้างต้น ประเด็นการลงทุนในโลก คงต้องให้น้ำหนักเรื่องสหรัฐฯกับประธานาธิบดีไบเดน ซึ่งหวังว่าสงครามการค้าโลกคงไม่รุนแรงเท่าเดิม นอกจากนั้น ประเด็นที่คุณไบเดน มีแนวคิดจะขึ้นภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 21% เป็น 28% ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐถูกลดแรงส่งขาขึ้นผมคิดว่า หุ้นเอเชียน่าจะได้ประโยชน์จาก 2 ประเด็นข้างต้น

ขยับมามอง ภาวะเศรษฐกิจไทยเราเองไตรมาส 4 นี้ คงจะฟื้นตัวติดลบ YoY น้อยลง รวมถึงไตรมาสแรกปี2564 ที่ Growth ติดลบอีกที และไปฟื้นจริงไตรมาส2 ของปี 64

อย่างไรก็ตามผมมีข้อสังเกตว่าตัวเลขการฟื้นตัวของไทยน้อยกว่าประเทศส่วนใหญ่

ส่วนหนึ่งนั้น เป็นเพราะภาคที่ยังติดขัดที่สุดในโลกขณะนี้ คือการท่องเที่ยวข้ามประเทศ ซึ่งไทยมีสัดส่วนรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างประเทศสูงมากราว 10% ของ GDP นอกจากนั้น ด้านการเติบโตของการส่งออกของไทย แม้จะฟื้นตัวบ้าง แต่ยังติดลบอยู่พอประมาณ 

ขณะนี้ประมาณการล่าสุดโดยเฉลี่ยของนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า GDP ไทยโดยรวมของปี63 จะติดลบประมาณ 6-7% และจะฟื้นตัวในปีหน้า 3-4% ซึ่งเป็นปัจจัยเสริมให้ราคาหุ้นฟื้นก่อนตัวเลขเศรษฐกิจ 3-6 เดือน

อย่างไรก็ตาม ดัชนีหุ้นไทยขณะนี้ ขึ้นเร็วมากจนใกล้ที่ระดับ 1,500จุด เมื่อไปเทียบกับ EPS ปี2563 ของตลาด ซึ่งคงลดลงมาเหลือ50บาท จึงคิดเป็น P/Eปี2563 ถึง 30 เท่า ซึ่งถือเป็นระดับใกล้จุดสูงสุดตลอดชีวิตตลาดหุ้นไทย ซึ่งระดับสูงสุดนั้นเคยอยู่ประมาณ 31 เท่า

แต่จุดนี้ คงไม่ถึงขั้นให้หุ้นลงถล่มทลายเหมือนครั้งอดีตที่ P/E แตะ 31 เท่า เมื่อปี33 และปี37  ทั้งนี้เพราะเราอยู่รอยต่อข้ามไปปี64 ที่เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวครึ่งทางของการตกต่ำในปี64 คือกลับมาเติบโต 3-4% ซึ่งจะทำให้EPSของตลาดฟื้นตัวครึ่งทาง ไปที่ 69บาท  ระดับ 1,450-1,500 จุด นั้น P/E64 อยู่ที่  21-22 เท่า ซึ่งเป็นระดับอิ่มตัวของขาขึ้น 

ผมคาดว่าราคาหุ้นไทยอาจใกล้ถึงจุดพักตัว รอEPSขึ้นตามมาเป็นเพื่อน และเหวี่ยงเป็น Sideways กว้างสักพักหนึ่ง ระดับแนวต้าน 1,500จุด น่าทำกำไรสักเสี้ยวนึง ส่วนแนวรับใหญ่น่าจะเลื่อนสูงขึ้น มาที่ 1,350-1,400 จุด คิดเป็น P/E64ที่ 19.5-20 เท่า

ประเด็นทั้งหมดข้างต้น ผมมีข้อสรุปกับการลงทุนดังนี้ครับ

  • หุ้นไทย ถือ 20 % ของพอร์ตการลงทุน เพิ่มความสนใจหุ้นที่ถูกหวาดวิตกช่วงโควิด-19ที่เศรษฐกิจติดลบ เช่น หุ้นธนาคาร หุ้นการค้าปลีก กองทุน REIT 
  • เลือกรายตัวนั้น ผมแนะนำให้เข้าใช้ข้อมูล IAA Consensus ที่รวบรวมจากสมาชิกของสมาคม              นักวิเคราะห์ฯ และโดยการสนับสนุนของตลาดหลักทรัพย์ฯ ใส่ไว้ใน www.settrade.com ตาม Link นี้ครับ https://www.settrade.com/settrade/iaaConsensus ตัวอย่างหุ้นใน SET50 ที่มีมูลค่าสูงกว่าราคา ณ 8ธ.ค. 63 ได้แก่ CPF EGCO CBG ส่วนหุ้นธนาคารนั้นนำโดย KBANK TISCO เป็นต้น
  • ควรลงทุนในกองทุนหุ้นโลก เพื่อกระจายความไม่แน่นอน 10% ต่อไป
  • กองทุนทองคำหรือทองคำแท่ง  ที่ราคาไม่เกิน 27,000 บาท ลงทุน 15% แนวโน้มปี64 ยังขึ้นได้ต่อ แม้ระยะสั้นทองมักสวนทางกับหุ้น แต่ในรายปีนั้นราคาทองขึ้นพร้อมกับหุ้นโลกได้บ่อยๆ
  • กองทุนพันธบัตรไทย แบ่งไว้ 55% รอจังหวะ ราคาหุ้นปรับตัว ค่อยแบ่งย้ายไปเพิ่มในหุ้นครับ

 ท้ายนี้ ขอประชาสัมพันธ์งานใหญ่ของสมาคมนักวิเคราะห์ฯ จะมีพิธีมอบรางวัลพร้อมสัมมนา 2 งาน คือ วันที่ 13 มกราคม 2564 รางวัลนักวิเคราะห์ยอดเยี่ยม  และวันที่ 15 มกราคม 2564 รางวัล CEO/CFO/IR ยอดเยี่ยม เปิดรับผู้เป็นสปอนเซอร์สนับสนุน กรุณาติดต่อ 02-0099292 ต่อ 3716