อนาคตยังกำหนดได้

อนาคตยังกำหนดได้

วันนี้ถ้าใครมาชวนคุยเรื่องสิ่งดี ๆที่จะเกิดในปีหน้าปีต่อไป แล้วเรารู้สึกระอาที่จะคุยด้วย อาจแสดงว่าเราเองกำลัง ‘สิ้นหวัง’

คนสิ้นหวังไม่คุยเรื่องอนาคต ไม่มองย้อนหลังไปดูความสำเร็จในอดีต  เห็นอย่างเดียวคือวันนี้ที่แย่ลงไปทุกเรื่อง จะคนละครึ่ง หรือจะเที่ยวด้วยกันก็ช่วยได้แค่ชั่วครั้งชั่วคราว ในยามที่แทบทุกวันที่ตื่นขึ้นมา เรื่องแย่ ๆเกี่ยวกับอนาคตก็ไหลมาเทมา ดูข่าวโรคระบาดก็มีแต่แย่ลง ดูข่าวบ้านเมืองก็เต็มไปด้วยเรื่องว่าคนนั้นไม่ดีอย่างนั้น คนนี้ไม่ดีอย่างนี้ ซ้ำซากๆ เหมือนกับทั้งบ้านเมืองมีคนอยู่ไม่กี่คน ดูเหมือนหนทางข้างหน้าดูมืดมิดอย่างน่าสิ้นหวัง จะคิดอ่านอะไรเกี่ยวกับอนาคตมักเป็นเรื่องเหมือนนิยายซิลเดอเรลล่า คือสักวันหนึ่งคงมีอภินิหารสักอย่างที่ทำให้ฉันดีขึ้นได้อย่างน่ามหัศจรรย์  หวยรัฐ และหวยเถื่อนเลยกลายเป็นความหวังอย่างหนึ่งของชีวิตยามนี้ ข่าวใหญ่กลายเป็นเรื่องคนถูกหวย ความพยายามพิชิตดวงจันทร์กลายเป็นข่าวชวนหัวไปเลย

 

ถ้าไม่อยากให้วันหน้ามีแต่แย่ลง เราต้องเดินหน้ากำหนดอนาคตของเราเองให้ได้ อย่ารอให้คุณลุง หรือคุณหลาน หรือคุณหมอมากำหนดอนาคตให้เรา  แต่มิได้หมายถึงการวาดวิมานในอากาศ ฝันไปว่าจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ที่มีแต่อภินิหารเท่านั้นที่ทำให้เกิดขึ้นได้ แต่หมายถึงการ “สร้างอนาคต” ที่ดีที่สุดที่เป็นไปได้ในยามนี้ ในบริบทของเรา

 

แต่จะสร้างอนาคตของเราเองได้นั้น เราต้องรักษาความหวังไว้ในจิตใจของเราไว้ให้ได้ ตราบเท่าที่ยังมีความหวังว่าสักวันหนึ่ง จะช้าจะเร็ว สารพัดเรื่องแย่ ๆที่เราเจออยู่นี้จะจางหายไป อย่าไปคิดว่าเรื่องแย่นี้หมดไป เรื่องแย่ใหม่จะโผล่มาแทน ซึ่งคนเรามีแนวโน้มจะคิดแย่ๆเกี่ยวกับอนาคตเสมอ ในยามที่เราได้รับแต่ข้อมูลสาระที่เต็มไปด้วยเรื่องแย่ ๆ ดังนั้น บอกกับตัวเองไว้ว่าเราพัฒนา เราทำอะไรต่างๆ ที่เราต้องการทำได้ เพียงแต่บางเรื่องต้องใช้ความพยายามมากน้อยต่างกัน บางเรื่องต้องกระทำในบางโอกาสเท่านั้น อย่าบอกว่ากรรมเวรกำหนดขีดความสามารถของเรา อย่าบอกว่าเก่งได้แค่ไหนขึ้นกับบุญกรรมในชาติที่แล้ว เพราะถ้าเราไม่เชื่อว่าเรามีความสามารถที่จะสร้างอนาคตของเราเองได้เมื่อใด ความหวังมีอันสูญสิ้น หมดหวัง หมดแรงบันดาลใจที่จะพยายามที่จะไขว้คว้าอนาคตที่ดีในวันหน้า ในยามย่ำแย่จงรักษาศักยภาพที่จะพยายามสู้ความย่ำแย่นั้นไว้ให้ได้ เพราะเป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้เรากำหนดอนาคตของเราเองได้

 

เรารู้สึกว่าอนาคตของเราอยู่นอกเหนือความควบคุมของเรา อาจเป็นเพราะเราด้อยความรู้ความสามารถในบางเรื่อง ดังนั้นในยามที่การงานทำอะไรไม่ได้เต็มที่เต็มทางจากอุปสรรคนานาประการ น่าจะพอปลีกเวลามาเติมเต็มความสามารถของเราในบางเรื่องได้บ้าง อนาคตที่ดีที่สุดที่เราคาดหวังได้ในยามมืดมิดนั้นต้องใช้ความรู้ความสามารถใดบ้างที่เรายังไม่มีในวันนี้ ขอให้ใช้โอกาสนี้สร้างสรรค์ความรู้สามารถนั้นขึ้นมาให้ได้ ซึ่งเมื่อเราผูกพันตัวเราเข้ากับการสร้างสรรค์ความรู้ความสามารถใหม่นี้ได้อย่างมั่นคง จะช่วยทุเลามโนที่นำมาสู่ “ความสิ้นหวัง” ลงได้มาก มีโอกาสสูงขึ้นที่จะดึงศักยภาพที่เรามีอยู่มาใช้ได้อย่างเต็มที่อีกครั้ง  อย่างน้อยที่สุดเราจะผ่านความย่ำแย่นี้ไปโดยมีความรู้ความสามารถใหม่เกิดขึ้น ซึ่งอาจหมายถึงโอกาสดีๆ ที่อาจตามมาในวันที่ฟ้ากลับมาสดใสอีกครั้ง

 

พยายามใช้เวลาในยามมืดมิดนี้แข่งขันกับตนเอง อย่าพยายามไปเปรียบเทียบกับใครโดยไม่จำเป็น ไม่งั้นมโนเกี่ยวกับโชควาสนาจะกลับมาหลอกหลอนให้เราหมดแรงบันดาลใจที่จะทำให้ตัวเราเก่งขึ้น ถ้ามัวแต่ไปเปรียบเทียบกับใครที่เส้นสายดี โตได้รวยได้มหาศาลในยามยากนี้ เทียบกับเขาเมื่อไหร่ ตัวเราก็แย่ลงเมื่อนั้น เปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นการแข่งกับตัวเราเองเมื่อวานนี้ เมื่อปีที่แล้ว มุ่งมั่นเอาชนะตัวเราเองให้ได้ ตัวเราวันวานคือคู่แข่งของเราในวันนี้

 

ยามยากย่อมเต็มไปด้วยความพยายามที่ล้มเหลวเสมอ ในยามนี้อนาคตจะกำหนดได้ก็ต่อเมื่อเรายังเชื่อว่าเราทำได้ดีกว่านี้ ถ้าใช้บทเรียนจากความล้มเหลวที่ผ่านมา อย่ายอมให้ใครก็ตามมากรอกหูให้เชื่อว่าความล้มเหลวทั้งหลายทั้งปวงล้วนแต่มาจากความบกพร่องที่เป็นอมตะของเรา