คนเห็นคนเป็นคน นั่นแหละคน คนเห็นคนใช่คน ใช่คนไม่
การคนดูถูกคนที่คิดไม่เหมือนตนเองนั้นว่า “คนไทยหรือเปล่า” นั้น ผมก็อยากจะถามกลับไปอีกเช่นกันว่าคนไทยแท้ๆ นั้นเดี๋ยวนี้หาได้ที่ไหนครับ
กลายเป็นประเด็นที่กำลังถกเถียงกันอย่างดุเดือดในโลกออนไลน์ เมื่อไอดอลสาว Cee FEVER โพสต์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในร้านไอศกรีมแห่งหนึ่ง ซึ่งพบว่า จู่ ๆ ลูกค้ารายหนึ่งได้ลุกขึ้นไปไล่ชายที่โพกผ้าที่ศีรษะว่าเป็นกะเหรี่ยง ให้ไล่ออกจากร้าน แม้ว่าพนักงานจะพยายามเข้ามาจัดการ แต่ชายคนดังกล่าวโวยไม่หยุด จนต้องออกจากร้านไป
ล่าสุดผู้ใช้สังคมออนไลน์จำนวนมาก เข้าไปสอบถามถึงข้อเท็จจริงในเหตุการณ์ดังกล่าว จากร้านไอศกรีม และเรียกร้องให้นำภาพจากกล้องวงจรปิดมาเปิดเผย เพื่อความชัดเจน เนื่องจากไม่เห็นด้วยที่มีการแบ่งชนชั้น และ เหยียดชาติพันธุ์ (https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_6128823)
ในช่วงชีวิตของเรามักจะได้พบ ได้เห็นหรือได้ยินการ “ดูถูก”กันและกันแบบนี้อยู่เสมอ เช่น ฝรั่งดูถูกคนไทยว่าล้าหลัง ด้อยพัฒนา ไม่มีระเบียบวินัย ฯลฯ พี่ไทยเราก็ดูถูกเพื่อนบ้าน พม่า เขมร ลาว ญวน ไปอีกต่อหนึ่งเป็นทอดๆ หรือไม่ก็คนกรุงเทพฯดูถูกคนต่างจังหวัดว่าบ้านนอก เชย ไม่ทันสมัย คนในพื้นราบ ก็ดูถูกคนที่อยู่บนภูเขาไปอีกเป็นทอดๆ
ในทางการเมืองคนกรุงเทพฯก็ดูถูกคนต่างจังหวัดว่าไม่มีความสำนึกทางการเมือง ถูกจูงจมูก เอาเงินซื้อก็ได้เป็นผู้แทนแล้วฯ ฉะนั้น รัฐบาลที่คนต่างจังหวัดเลือกมาโดยเสียงส่วนใหญ่ก็ย่อมจะต้องถูกดูถูกและทำทุกอย่างที่จะให้ล้มคว่ำคะมำหงายให้ได้
ผมมักจะถูกถามอยู่เสมอว่าจริงไหมที่คนต่างจังหวัดซื้อเสียงขายเสียงกันง่ายๆ และถูกหลอกอย่างโงหัวไม่ขึ้น ซึ่งผมก็ได้ตอบอยู่เป็นประจำว่าการซื้อเสียงขายเสียงนั้น อย่าว่าแต่ในต่างจังหวัดเลย แม้แต่ในกรุงเทพฯเองก็มี หรือแม้แต่ในสหรัฐอเมริกาย่านบร็องซ์ก็ยังมีการแจกสตางค์กันเพื่อซื้อเสียงขายเสียงกันอยู่เลย
แต่ประเด็นอยู่ที่จริงหรือที่คนไม่เคยทำคุณงามความดีอะไรเลย หิ้วเงินใส่ถุงทะเลมากว้านซื้อเสียงแล้วก็จะได้เป็นผู้แทน หรือคนที่ซื้อเสียงมากกว่าก็จะได้รับการเลือกตั้งเสมอไป ผลการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาก็เป็นบทเรียนให้เจ้าบุญทุ่มทั้งหลายกระอักเลือดมาแล้ว
ว่ากันในแง่คุณภาพของผู้แทน จริงหรือที่คุณภาพของผู้แทนคนกรุงเทพมีคุณภาพสูงกว่าต่างจังหวัด ลองดูตัวอย่างผู้แทนที่มีเรื่องกันในสภา ไม่ว่าการกระโดดถีบกัน ชกต่อยกัน ล้วนแล้วแต่เป็น สส.หรือ สว.ของชาวกรุงเทพฯทั้งนั้น
คำกล่าวทางวิชาการทางด้านรัฐศาสตร์ที่เป็นยอมรับกันโดยทั่วไปว่า “ประชาชนเป็นอย่างไร ผู้แทนก็จะเป็นอย่างนั้น” ฉะนั้น ป่วยการที่คนกรุงเทพฯจะไปดูถูกคนต่างจังหวัด เพราะตราบใดที่เรายังอยู่ในประเทศเดียวกัน ก็ย่อมมีชะตากรรมที่จะต้องเผชิญร่วมกัน
เว้นเสียแต่ว่าคนกรุงเทพจะแยกตัวออกไปเป็นรัฐอิสระอีกรัฐหนึ่ง ไม่ยุ่งเกี่ยวกับต่างจังหวัดอีกต่อไป เพราะทุกวันนี้คนกรุงเทพฯส่วนหนึ่งคิดว่ากรุงเทพฯก็คือประเทศไทยอยู่แล้ว
อันที่จริงแล้วผมยังสงสัยอยู่ว่า เหตุใดจึงเรียกคนจังหวัดอื่นที่มิใช่คนกรุงเทพฯว่าเป็น “คนต่างจังหวัด”แทนที่จะเรียกว่า “คนจังหวัดอื่น”หรือเรียกว่าคนจังหวัดนั้นจังหวัดนี้ เพราะอันที่จริงคนกรุงเทพฯก็เป็นคนต่างจังหวัดของคนเชียงใหม่เหมือนกัน คนเชียงใหม่จึงควรเรียกคนกรุงเทพฯว่าเป็นคนต่างจังหวัดเช่นกันจึงจะถูกต้อง
ผมยังสงสัยต่อไปอีกว่าคำว่า “คนกรุงเทพฯ”นั้นนิยามศัพท์ที่แท้จริงนั้นคือ อะไร เกิดในกรุงเทพฯ/ มีสำเนาทะเบียนบ้านอยู่ในกรุงเทพฯ /เสียภาษีให้ในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ /บรรพบุรุษต้นตระกูลเป็นคนกรุงเทพดั้งเดิมบริสุทธิ์ไม่มีเจือปนคนที่อื่นเลย ฯลฯ ซึ่งก็ให้เป็นที่สงสัยอยู่
แต่ที่คนจังหวัดอื่นนิยาม “คนกรุงเทพฯ” ไว้ก็คือ เวลาเห็นคนคันใดในจังหวัดอื่นขับปาดหน้าปาดหลังเป็น “ลูกอีช่างปาด” แซงซ้ายแซงขวา ทิ่มรถออกขวางถนนเวลาออกจากซอยจนถูกชนอยู่เสมอๆ นั้นแหละคือคนกรุงเทพฯ
ในสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ถ้าเห็นนักท่องเที่ยวกลุ่มใดที่ส่งเสียงดัง ไม่รู้จักเกรงใจผู้คนหรือสถานที่ กินทิ้งกินขว้าง อวดร่ำอวดรวย อวดรถออฟโรดที่นานๆได้ขับไปจังหวัดอื่นเสียที นั่นแหละคนกรุงเทพฯ
อีกเช่นกันเวลาไปตามสถานที่ต่างๆ เห็นผู้คนในชนบทที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย อ้อยอิ่ง ขี่รถยนต์ที่ประยุกต์มาจากเครื่องสูบน้ำก็พากันหัวเราะอย่างขบขัน นั่นแหละคนกรุงเทพฯ
นอกจากนั้นเวลาไปซื้อข้าวของต่างๆในจังหวัดอื่น เมื่อเห็นราคาแล้ว แทนที่จะซื้อไว้ตามความจำเป็นหรือที่จะต้องเอาไปเป็นของฝาก ก็เหมาๆๆๆหมด นั่นแหละคนกรุงเทพฯ
และก็เช่นกันนอกจากประเด็นที่ว่า ใครคือคนกรุงเทพฯแล้ว อีกประเด็นหนึ่งที่ค้างคาใจผมก็คือ “คนไทยหรือเปล่า” ซึ่งก็ยังอยากจะถามอีกเช่นเดียวกันว่าการคนดูถูกคนที่คิดไม่เหมือนตนเองนั้นว่า “คนไทยหรือเปล่า” นั้น
ผมก็อยากจะถามกลับไปอีกเช่นกันว่าคนไทยแท้ๆนั้นเดี๋ยวนี้หาได้ที่ไหนครับ ถ้าไม่มีเชื้อสายจีนก็แขก ไม่แขกก็มอญ ไม่มอญก็ญวน ไม่ญวนก็ลาว เขมร ฝรั่ง มลายู กะเหรี่ยง ฯลฯ อย่างละนิด อย่างละหน่อย
ลองสืบสาแหรกของแต่ละคนที่ออกมาถาม “คนไทยหรือเปล่า”นั้นดูราวกับว่ามีเลือดไทยแท้บริสุทธิ์ร้อยเปอร์เซ็นต์เสียกระนั้น เพราะขนาดพระเจ้าตากสินมหาราชยังมีเชื้อสายจีน ตระกูลดังๆของขุนนางไทยบางตระกูลก็มีเชื้อสายมาจากแขกเปอร์เซียเสียด้วยซ้ำ
คงเป็นการยากที่จะทำให้คนเลิกดูถูกซึ่งกันและกัน เพราะมันฝังไปในจิตสำนึกดั้งเดิมหรือสันดานเสียแล้ว เมื่อประกอบเข้ากับการอบรมสั่งสอนกล่อมเกลาของบุพการีของตน จนเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้คือ “วัฒนธรรม”ของกลุ่มชนของตนเองที่จะต้องเหนือคนอื่น
คนทีทำอะไรไม่เหมือนเรา คิดไม่เหมือนเรานั้นด้อยกว่าเรา แต่ก็น่าแปลก ทีฝรั่งมังค่าใส่กางเกงขาสั้นเดินเข้าออกสถานที่สำคัญต่างๆกลับทำเฉย มองเห็นว่าฝรั่งนั้นทำตัวง่ายๆดี (ฉะนั้น จึงไม่แปลกที่จะเห็นคนกรุงเทพฯทั้งหลายเดินทางไปยังจังหวัดอื่นด้วยกางเกงขาสั้นเช่นกัน) แต่พอลุงมี ลุงมา ตาสี ตาสา ซึ่งตนคิดว่าด้อยกว่าตนเอง ใส่ขาสั้นเหมือนกันกลับบอกว่าไม่สุภาพ ห้ามเข้าไปเสียอย่างนั้น
ที่อาการหนักที่สุดก็คือ นายคนในข่าวข้างต้นที่ไล่คนกะเหรี่ยงซึ่งเป็นคนไทยเหมือนกันออกจากร้านอาหาร และบังคับให้เขาร้องเพลงชาตินั้น รับไม่ได้เสียจริงๆ เพราะการเป็น Human Being นั้นต้อง Being Human ด้วยน่ะครับ.