อุบัติเหตุที่เกิดจากเอารถไปใช้ผิดประเภทประกันคุ้มครองหรือไม่

อุบัติเหตุที่เกิดจากเอารถไปใช้ผิดประเภทประกันคุ้มครองหรือไม่

สวัสดีครับพบกับประกันภัยเรื่องใกล้ตัวกันเช่นเคยนะครับ  เพื่อการก้าวไปอย่างมั่นคง ก้าวไปอย่างมั่นใจ

            ด้วยการประกันภัย หรือ หลักประกันเพื่อความมั่นคงทางสังคม ประกันภัยเรื่องใกล้ตัว จะได้นำเรื่องราวต่างๆ ที่เกี่ยวกับการประกันภัยมาบอกกล่าวเล่าสู่กันเพื่อความรู้ความเข้าใจที่เท่าทัน ทั้งการประกันชีวิตและการประกันวินาศภัย มาติดตามกันเลยครับ...

            คำถาม :ซื้อรถตู้มาแล้วทำประกันภัยประเภทหนึ่งไว้เมื่อช่วงต้นเดือน กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้หลบสุนัขเสียหลักชนต้นไม้ข้างทางทำให้ตัวรถได้รับความเสียหายมากทางบริษัทประกันภัยให้ทำการยกรถเข้าอู่ในเครือของบริษัทและมีการประเมินราคาว่าเสียหายประมาณ 300,000 บาท ต่อมาทางบริษัทประกันภัยบอกว่ากรมธรรม์ไม่คุ้มครองเนื่องจาก ผู้เอาประกันภัย ใช้รถผิดประเภท โดยในกรมธรรม์ระบุประเภทการใช้ส่วนบุคคล ไม่ใช่รับจ้าง หรือให้เช่า  แต่ว่าวันที่เกิดเหตุนั้นนำไปใช้เป็นรถรับจ้างทั่วไป ถือว่าเป็นการใช้รถผิดประเภทดังนั้นความเสียหายประมาณ 300,000 บาทนั้น ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบเอง อย่างนี้ถูกต้องหรือไม่อย่างไร??

           คำตอบ :  ตามที่ผมเคยได้บอกกล่าวให้ทุกท่านได้ทราบกันแล้วนะครับว่า การประกันภัยนั้น เมื่อมีการตกลงทำการประกันภัยแล้วทางบริษัทผู้รับประกันภัยก็จะต้องออกเอกสารและส่งมอบให้กับผู้เอาประกันภัยไว้ที่เรียกว่า กรมธรรม์ประกันภัย โดยในชุดเอกสารดังกล่าวก็จะมีเอกสารหลักคือ หน้าตารางกรมธรรม์ซึ่งจะระบุถึงข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับการเอาประกันภัยและจำนวนความคุ้มครองกับเอกสารที่เป็นเงื่อนไขกรมธรรม์ซึ่งเป็นข้อกำหนดและแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการบังคับใช้ของกรมธรรม์ สำหรับคำถามนี้เป็นการประกันภัยรถยนต์ซึ่งในการพิจารณารับประกันภัยรถยนต์นั้นจะมีปัจจัยที่นำมาคำนวณและกำหนดเป็นอัตราเบี้ยประกันภัย ประกอบด้วย 1.ประเภทรถยนต์ 2.ลักษณะการใช้รถยนต์ 3.ขนาดของรถยนต์ 4.อายุรถยนต์ 5.กลุ่มรถยนต์ 6.จำนวนเงินเอาประกัน 7.อุปกรณ์พิเศษ

            ทั้งหมดนั้นทางบริษัทจะทำการตรวจสอบและสอบถามข้อมูลต่างๆ นี้ ในขณะที่ผู้เอาประกันภัยเองก็จะต้องแสดงหรือเปิดเผยความจริงต่างๆ และต้องมีการสอบถามเพื่อความเข้าใจและตรงตามความต้องการก่อนที่จะมีการตกลงเอาประกันภัย จากคำถามนั้น เป็นประเด็นในข้อ 2.ลักษณะการใช้รถยนต์ ครับโดยผู้เอาประกันภัยนั้นมีหน้าที่ต้องแจ้งให้บริษัทประกันภัยรับทราบว่าตนเองประสงค์จะนำรถยนต์ที่ขอเอาประกันภัยนั้นไปใช้ประโยชน์อย่างไร เพื่อบริษัทประกันภัยจะได้มีการพิจารณากำหนดลักษณะการใช้รถยนต์ของผู้เอาประกันภัยตามพิกัดอัตราเบี้ยประกันภัยอย่างถูกต้องตามลักษณะการใช้รถอย่างถูกต้องต่อไปซึ่งโดยข้อกำหนดลักษณะการใช้รถนั้น ทาง คปภ.ได้กำหนดไว้เป็น 10 ลักษณะคือ 1.การใช้ส่วนบุคคล 2.การใช้เพื่อการพาณิชย์ 3.การใช้รับจ้างสาธารณะ 4.การใช้เพื่อการพาณิชย์พิเศษ 5.การใช้รถยนต์ป้ายแดง 6.รถพยาบาล 7.รถดับเพลิง 8.รถใช้ในการเกษตร 9.รถใช้ในการก่อสร้าง 10.รถอื่นๆ

            โดยปัจจัยทั้งหมดนี้จะเป็นตัวกำหนดอัตราค่าเบี้ยประกันภัยการพิจารณาว่ารถที่จะเอาประกันภัยนั้น จัดอยู่ในกลุ่มการใช้รถในลักษณะใดนั้น บริษัทเป็นผู้กำหนดโดยการสอบถามข้อมูลด้วยใบคำขอเอาประกันภัยการกำหนดลักษณะ การใช้ที่ผิดพลาดจึงอาจเกิดขึ้นได้ หากมีการสอบถามข้อมูลหรือสื่อสารที่ไม่ตรงกัน เช่น กรณีคำถามนี้ทางผู้เอาประกันภัยนั้นอาจมีความเข้าใจที่ผิดพลาดเกิดขึ้นได้โดยสิ่งที่ต้องพิจารณาคือ หากมีการพิสูจน์ได้ว่าบริษัทประกันภัยเป็นผู้พิจารณาลักษณะการใช้รถที่ผิดพลาดเองนั้นบริษัทจะยกเอาเหตุผลของการใช้รถผิดลักษณะจากที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์หรือการใช้รถผิดประเภทมากล่าวอ้างภายหลังจากผู้เอาประกันภัยได้รับความเสียหายมิได้ ตัวอย่างเช่น : รถยนต์ที่ขอเอาประกันภัยเป็นรถตู้ที่ใช้ในกิจการงานของตนเอง ทางบริษัทประกันภัยกลับไประบุลักษณะการใช้รถในตารางกรมธรรม์ว่า ใช้ส่วนบุคคล ไม่ใช่รับจ้าง หรือให้เช่า ซึ่งตามจริงแล้วควรระบุว่าใช้เพื่อการพาณิชย์ จึงถือว่าเป็นความผิดพลาดของบริษัทประกันภัยหรือตัวแทนเอง  

            ดังนั้นจากคำถามจึงต้องพิจารณาในข้อเท็จจริงอีกครั้งว่าเกิดจากความผิดพลาดของบริษัทเองหรือไม่ที่มีการกำหนดลักษณะการใช้ที่ผิดพลาด ทั้งนี้รวมถึงการพิจารณาที่ผิดพลาดของตัวแทนที่ทำการขายให้กับผู้เอาประกันภัยด้วยเช่นกัน เพราะถือว่าตัวแทนประกันวินาศภัยนั้นเป็นตัวแทนที่กระทำการแทนบริษัทประกันภัยซึ่งการกระทำใดของตัวแทนบริษัทประกันภัยต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของตัวแทนนั้น หากเป็นข้อเท็จจริงเช่นนี้บริษัทประกันภัยจะมาปฏิเสธความรับผิดชอบที่เกิดขึ้นนี้ไม่ได้ เว้นแต่มีการพิสูจน์ชัดเจนแล้วว่าเป็นเจตนาการเอาประกันภัยของผู้เอาประกันภัยชัดเจนตั้งแต่ต้นว่าจะใช้เป็นรถยนต์ส่วนบุคคลเท่านั้นเพื่อเสียอัตราเบี้ยประกันภัยที่ต่ำกว่า อย่างนี้ก็ถือว่าผู้เอาประกันภัยใช้รถผิดประเภทการใช้รถที่ผิดไปจากสัญญาที่ให้ไว้และในกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ข้อ 9.2 ได้กำหนดเป็นข้อยกเว้นความคุ้มครองต่อตัวรถยนต์ที่เอาประกันภัยไว้ หากเป็นไปตามนี้จริงแล้วการที่บริษัทปฏิเสธนั้นจึงถูกต้องแล้ว

            และนี่ก็เป็นคำถามที่ดีอีกคำถามหนึ่งครับ หวังเป็นอย่างยิ่งจะเป็นประโยชน์ให้กับท่านผู้อ่านของเราได้รับทราบ โดยทั่วกัน แล้วพบกันใหม่...สวัสดีครับ