วัฒนธรรมการคิดบวก มองโลกในแง่ดี กำลังกลายจะเป็นพิษภัยให้องค
ความสุข ถือเป็นหนึ่งในความรู้สึกที่มนุษย์ทุกคนต้องการ ไม่ว่าใครๆ ก็อยากมีความสุข จนความต้องการความสุขของเราทำให้เกิดสารพัดวิธีในการค้นหามัน
ซึ่งหนึ่งในวิธีที่ง่ายที่สุดคือ “การคิดบวก และมองโลกในแง่ดี”
ชีวิตก็มีช่วงเวลาที่สวยงามเป็นครั้งคราว เช่นเดียวกับเรื่องร้ายๆ การลาจากและความสูญเสียเกิดขึ้นในชีวิตเสมอ… ถ้าหากเราใช้ชีวิตโดยเคยชินกับการบังคับตัวเองให้คิดบวกเพียงอย่างเดียว เมื่อเรื่องเลวร้ายเหล่านั้นผ่านเข้ามา มันจะทำร้ายเรามากกว่าที่ควรจะเป็น… และแน่นอนว่ายังไงมันก็ต้องเกิดขึ้น
คิดบวก (Positivity) กับ มองโลกในแง่ดี (Optimistic)
Positivity คือ คิดบวก เป็นการคิด การรู้สึก หรือการมองอย่างมีความหวังว่าต้องมีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นในอนาคต ทั้งต่อตนเองและผู้อื่น นับเป็นพลังทางความคิดที่จะช่วยให้ผ่านพ้นสถานการณ์อันเลวร้ายไปได้ โดยการคิดบวกเริ่มต้นได้ง่ายๆ ด้วยการคิดหรือพูดคุยกับตนเองก่อน
Optimism คือ การมองโลกในแง่ดี ไม่ใช่ที่จะมองข้ามในสถานการณ์ปัจจุบันไป หรือว่า ไม่สนใจเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่ เราเชื่อมั่นว่าจะมีสิ่งดีๆ หรือ เรื่องราวดีๆ ที่เป็นบวกเกิดขึ้นในอนาคตแน่นอน ศรัทธาและเชื่อมั่นในเรื่องราวของอนาคตว่ามันจะต้องมีเรื่องดีเกิดขึ้น
การเป็นคนคิดบวกไม่ว่าเรื่องไหนก็เป็นสิ่งที่ดีด้วยกันทั้งนั้น เพราะคนคิดบวกจะเป็นคนที่ไม่เครียดและเป็นคนมองโลกในแง่ดี เมื่อเราไม่เครียดจะช่วยทำให้สมองปอดโปร่ง จิตใจแจ่มใส อารมณ์ดี มีผลช่วยทำให้งานการที่ทำสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ที่สำคัญการเป็นคนอารมณ์ดีใครก็อยากอยู่ใกล้ ใครก็อยากคุยด้วย เพราะการคุยกับคนอารมณ์ดีจะทำให้ผู้ที่คุยรู้สึกดีไปด้วย ไม่รู้สึกเครียด สำหรับใครที่ไม่ค่อยคิดบวกเรามีวิธีช่วยฝึกให้คุณคิดบวกกันได้ง่ายๆ
การคิดในแง่ดี ไม่ใช่การปฏิเสธความจริง
เมื่อเรากำลังเผชิญหน้ากับปัญหาหลากหลายอย่าง การคิดในแง่ดี จะบอกเราว่า มันจะต้องมีเรื่องดีเกิดขึ้นแน่นอนหลังจากนี้ แม้ว่าปัจจุบันมันอาจจะเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบาก เป็นสถานการณ์ที่มืดดำ แต่เชื่อมั่นว่ามันจะต้องมี แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์แน่นอน (Cr. Branding Champ)
อย่างไรก็ตาม การคิดในแง่ดี การมองให้มันดีไปทั้งหมด ในอีกมิติก็อาจเป็นการปฏิเสธสถานการณ์ Denial ก็พอได้อยู่ ทำเป็นไม่สนใจเลย เพิกเฉยต่เหตุการณ์ปัจจุบัน แล้วบอกว่าเนี่ยอันนี้ดี แม้มันจะไม่ดีก็ตามก็บอกว่ามันดี ก็ไม่ใช่สิ่งที่ถูกที่ควรไปทั้งหมด
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ การมองโลกในแง่ดี และ คิดบวก เราสามารถมองให้เป็นแง่ดีๆ ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น หมายถึงความคิดที่เกิดจากการมองสิ่งต่างๆ อย่างเข้าใจ ยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเราทั้งในทุกเรื่อง และหากเป็นเรื่องไม่ดีก็รู้จักคิดและพยายามหามุมมองที่เป็นประโยชน์ทางด้านบวกจากสิ่งนั้นๆ ให้เกิดประโยชน์กับตนเองและผู้อื่น
การคิดเชิงบวกเป็นการหามุมมองที่เป็นบวก มุมมองที่ทำให้เรานั้นมีแง่คิดที่ดี มุมมองที่ทำให้เรามีกำลังใจ มุมมองที่ทำให้เรารู้สึกมีความทุกข์น้อยลง มุมมองที่ทำให้เรามีความสุขมากขึ้น มีแรงจูงใจที่จะต่อสู้กับชีวิต กล้าที่จะเผชิญชีวิต หรืออยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข เพราะฉะนั้นถ้าสามารถคิดในเชิงบวกได้ตลอดเวลา แปลว่าเราสามารถมีชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีคุณภาพและความสุข
ตัวชี้วัดของ การมองโลกในแง่ดี คืออะไร
การเป็นคนคิดบวกไม่ว่าเรื่องไหนก็เป็นสิ่งที่ดีด้วยกันทั้งนั้น เพราะคนคิดบวกจะเป็นคนที่ไม่เครียดและเป็นคนมองโลกในแง่ดี เมื่อเราไม่เครียดจะช่วยทำให้สมองปอดโปร่ง จิตใจแจ่มใส มีอารมณ์ดี มีผลช่วยทำให้งานการที่ทำสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี และที่สำคัญการเป็นคนอารมณ์ดีใครก็อยากอยู่ใกล้ ใครก็อยากคุยด้วย เพราะการคุยกับคนอารมณ์ดีจะทำให้ผู้ที่คุยรู้สึกดีไปด้วย และไม่รู้สึกเครียด
การจัดการกับปัญหาและการวางแผนอย่างกระตือรือร้น คนที่คิดบวกหรือมองโลกในแง่ที่ดี จะสามารถจัดการปัญหา มรสุมต่างๆในชีวิตได้เป็นอย่างดี เพราะคนเหล่านั้นจะเลือกมองหาจุดที่ต้องแก้ไขและมองหาโอกาสที่จะเกิดขึ้นในแง่ที่ดี สร้างสรรค์ จะสามารถวางแผนในการรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้น และก้าวผ่านมันไปได้อย่างรวดเร็ว
ความสามารถมองสิ่งต่างๆตามความเป็นจริง คนที่คิดบวกจะมองสิ่งต่างๆทั้งในด้านที่ดีและด้านที่แย่ แต่บุคคลเหล่านี้จะเลือกรับรู้และเข้าใจด้านที่แย่ แต่ไม่นำมายึดติด และเลือกโฟกัสด้านที่ดี เพื่อเป็นพลังบวกให้แก่ตนเอง
สามารถควบคุมตนเองได้ ในด้านอารมณ์ และปรับอารมณ์ของตนได้อย่างเหมาะสม การที่เรามองโลกในแง่ดี เราจะเข้าใจความเป็นจริงทั้ง 2 ด้านไม่ว่าจะเป็นด้านบวกหรือลบ ของเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับเรา เมื่อเราเข้าใจความเป็นจริงที่เป็นอยู่ จะสามารถปรับอารมณ์ความรู้สึกให้เป็นกลาง และเลือกมองจุดที่ดี เพื่อทำให้เรามีพลังเชิงบวกในการต่อสู้กับเหตุการณ์แย่ๆที่ต้องเผชิญ ผ่านการปรับมุมมองที่เป็นกลาง มีสมาธิจดจ่อในด้านที่ดีทำให้เรามีความสุขครับ
วัฒนธรรมการคิดบวก กำลังกลายเป็นภาคบังคับขององค์กรไปแล้ว !!!!!
ไม่ใช่เรื่องผิดอะไรที่เราจะเป็นคนคิดบวก และมองโลกในแง่ดี แต่ที่เป็นปัญหาก็คือ การคิดบวกนั้นกำลังจะกลายเป็นวัฒนธรรมเชิงสังคมในสังคมการทำงานที่ถูกบังคับให้จำเป็นต้องคิดบวก ต้องมีแนวคิดต่อการทำงานที่ดี เพราะการวัดผลการทำงานของบริษัทต่าง ๆ บังคับให้เราคิดแบบนี้
การถูกบังคับให้คิดบวกสามารถทำให้คนเราเจ็บปวดได้มากกว่าเดิม เพราะพวกเขาจะถูกผลักให้ออกห่างจากความรู้สึกที่ควรจะได้รับ และทิ้งให้จะติดอยู่กับ “ความรู้สึกผิด” มัวเสียเวลาไปกับเรื่องน่าเสียใจ และถูกทอดทิ้งเพราะคิดไม่เหมือนใคร
การคิดบวกต้องทำให้สุขภาพดีขึ้น มีความสุขมากขึ้น วัฒนธรรมการคิดบวก จึงต้องไม่ทำให้คนเรารู้สึกแบกความรับผิดชอบไว้บนบ่ามากเกินไป วัฒนธรรมการคิดบวกในการทำงาน ต้องไม่ใช่วัฒนธรรมเชิงบังคับ วัฒนธรรมการคิดบวกต้องเกิดจาก ความเชื่อ ความคิด ความรู้สึกที่ดีของงานนั้นๆ การทำให้บุคลากรมีความเชื่อที่ทรงพลัง มีความคิดเชิงบวก และเกิดความรู้สึกที่ดีกับงานนั้นๆ อยู่ตลอดเวลา
วัฒนธรรมการคิดบวก จึงต้องเปิดพื้นที่ให้บุคคลากรได้รู้จักเลือก และโฟกัสเฉพาะด้านที่ดีของเขา ทำให้เขามีวิธีคิดและการดำเนินชีวิตที่ต่างจากคนอื่นสามารถมีที่ยืนได้ในองค์กรอย่างมความสุขด้วย