สมดุลชีวิต

สมดุลชีวิต

งานด่วนทั้งหลายไม่ได้หมายความว่าจะเป็นเรื่องคอขาดบาดตายเสมอไป

ต่อกันในเรื่องของแซนด์วิชแฟมิลี่ ซึ่งเป็นปัญหาในครอบครัวสมัยใหม่ที่ผู้บริหารระดับต้นถึงระดับกลางต้องประสบอยู่ อันเนื่องมาจากหน้าที่การงานและการดูแลครอบครัว ซึ่ง “Think out of The Box” เกริ่นไปในฉบับที่แล้ว 4 ประการด้วยกัน

ต่อกันในประการที่ห้า คือการทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างให้ลูกทั้งเวลาและกำลังทรัพย์มากมายเพื่อหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับเขา ไม่ว่าจะเป็นด้านวิชาการ ดนตรี กีฬา รวมถึงวางเส้นทางชีวิตให้กับเขามากมาย แต่คำถามคือ เท่าไรถึงจะพอ?​ และต้องให้ถึงเมื่อไรจึงจะถือว่าเหมาะสม?

เพราะยิ่งทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างให้ลูก เพื่อสร้างความมั่นใจว่าเขาได้สิ่งที่ดีที่สุดเสมอ แต่ในทางกลับกันนั่นก็คือความกดดันของพ่อและแม่จนอาจกลายเป็นความเครียดสะสมซึ่งเป็นปัญหาที่พ่อแม่ในครอบครัวสมัยใหม่ต้องพบเจอเหมือนๆ กัน

ทางออกในเรื่องนี้จึงอยู่ที่การสร้างสมดุลในการเลี้ยงดูเขา พ่อแม่ส่งเสริมและแนะแนวทางให้เขาได้แต่ก็ต้องเป็นธรรมชาติคือสอดคล้องกับตัวตนของเขา ไม่กดดัน ไม่ยัดเยียด และทำทุกอย่างแต่พอดีไม่มากไม่น้อยจนเกินไป

ประการที่หก ผู้บริหารระดับต้นในวัย 40 ปีขึ้นไปจะเริ่มพบกับความเสื่อมของระบบการทำงานต่างๆ ของร่างกาย ส่งผลให้สุขภาพเริ่มย่ำแย่ ผลตรวจสุขภาพประจำปีก็มักจะพบเรื่องน้ำหนักมากเกินไป น้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ เช่นเดียวกับคอเลสเตอรอล ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการป่วยเป็นโรคต่างๆ เช่นโรคเบาหวาน โรคหัวใจ

ไม่นับรวมความเครียดความกดดันสารพัดที่อาจทำให้เรากลายเป็นโรคซึมเศร้าโดยไม่รู้ตัว ซึ่งทางแก้ง่ายๆ มีทางเดียวคือการใส่ใจสุขภาพทั้งการออกกำลังกายเป็นประจำ และการควบคุมอาหารอย่างเคร่งครัด ซึ่งทำได้ไม่ยากแต่ต้องตั้งใจจริง

การออกกำลังกายก็ไม่จำเป็นต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ แค่ใช้เวลาว่างระหว่างวัน ไม่ว่าจะรอประชุมหรือเดินขึ้นบันไดในอาคารสำนักงาน เพียงแค่นี้ก็อาจเทียบเท่ากับการเดินวันละ 10 กิโลเมตรได้เลยซึ่งช่วยเรื่องการรักษาสุขภาพได้ไม่น้อย

ประการที่เจ็ด ความกดดันจากหน้าที่การงานที่รบกวนใช้ชีวิตประจำวัน เพราะไม่ว่าจะเป็นวันพักผ่อนหรือช่วงเวลาที่ควรนอนแต่เราก็ยังมีภาระงานติดต่อเข้ามาอยู่ไม่เคยขาดผ่านระบบออนไลน์ที่ติดต่อได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ภาระงานต่างๆ จึงเป็นเหมือนงานที่ไม่มีสวิทช์ปิด แต่เปิดรับงานต่างๆ ทั้งจากเจ้านายและลูกน้องได้ตลอดทุกวันทุกเวลา จนเราไม่อาจใช้ชีวิตส่วนตัวได้ตามปกติ ซึ่งทางแก้ง่ายๆ ก็คือต้องคิดเสมอว่าหากไม่ข้องเกี่ยวกับด้านการแพทย์แล้วธุรกิจส่วนใหญ่นั้นไม่มีงานที่ไม่รีบลงมือทำในตอนนี้แล้วจะมีคนเสียชีวิตทันที

นั่นหมายความว่างานด่วนทั้งหลายนั้นไม่ได้หมายความว่าจะเป็นเรื่องคอขาดบาดตายเสมอไป การจัดลำดับความสำคัญของงานจึงเป็นเรื่องจำเป็นและเราก็ต้องสมดุลระหว่างงานที่ไม่เร่งด่วนกับชีวิตครอบครัวและชีวิตประจำวันของเราให้ดี

ยิ่งในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เราต้องใช้ชีวิตร่วมกับการระบาดของโควิด-19 ทำให้ต้องพบเจอกับเรื่องที่ไม่เคยรับมือมาก่อน ปัญหาต่างๆ จึงดูเป็นเรื่องสำคัญและเร่งด่วนไปหมด ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วเราสามารถจัดลำดับความสำคัญของงานต่างๆ ได้เสมอ

ปีเก่าที่ผ่านพ้นไปก็น่าจะให้บทเรียนต่างๆ กับเราได้มากมาย จึงได้แต่หวังว่าปี 2565 นี้จะมีความหวังและโอกาสให้เรามากกว่า 2 ปีที่ผ่านมา จึงขอส่งท้ายปีเก่าเพื่อรอรับปีใหม่ด้วยความสุขกับผู้อ่านทุกท่านครับ