10 ความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์โลกในปี 2022 (ตอน 1) | ปิยศักดิ์ มานะสันต์
หากถามว่าประเด็นใดที่ต้องจับตาเป็นพิเศษในปี 2022 ผู้เขียนมองว่าประเด็นด้านภูมิรัฐศาสตร์ทั่วโลกจะต้องจับตาเป็นพิเศษ เพราะอาจนำความเปลี่ยนแปลงมาสู่เศรษฐกิจ สังคม และการเมืองโลกอย่างคาดไม่ถึงได้
ผู้เขียนมองว่ามี 10 ประเด็นความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์โลกที่ต้องจับตามีดังนี้
1. สงครามเย็นระหว่างสหรัฐและจีน
ดังที่เคยเขียนไว้ใน 5 คำทำนายของปี 2022 ผู้เขียนมองว่าในปีนี้ สงครามเย็นระหว่างสหรัฐและจีนจะร้อนแรงขึ้น ผลจากการเมืองภายในของทั้งสองประเทศ โดยสหรัฐจะมีการเลือกตั้งกลางเทอมในช่วงปลายปี
ดังนั้น ประธานาธิบดีไบเดนจะสร้างความแข็งกร้าวกับจีนเพื่อให้ได้มาซึ่งคะแนนนิยม ในขณะที่เดียวกัน ฝั่งจีนก็จะมีการขยายวาระของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ออกไปอีก 5 ปี ดังนั้นสีจิ้นผิงจะต้องแสดงให้เห็นว่าระบบการเมืองแบบสังคมนิยมของจีนเหนือกว่าและมีเสถียรภาพมากกว่าประชาธิปไตยแบบซีกโลกตะวันตก
ด้วยภาพเช่นนี้ เราจึงจะเห็นความตึงเครียดมากขึ้นใน 4 ด้าน ได้แก่
(1) สงครามการค้า โดยต้องจับตาสนธิสัญญาการค้าระยะที่ 1 ที่เคยทำสมัยประธานาธิบดีทรัมพ์และจีนไม่สามารถทำตามข้อตกลงได้
(2) สงครามเทคโนโลยี ต้องจับตาการกีดกันบริษัทเทคฯ ของอีกฝ่ายมากขึ้น โดยเฉพาะสหรัฐและพันธมิตรที่จะกีดกันเทคฯ จีนด้วยข้อหาว่าจะสอดแนม
(3) สงครามทุน โดยสหรัฐจะกดดันจีนมากขึ้น เช่น บังคับให้บริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดสหรัฐฯ ยื่นรายละเอียดบัญชีเชิงลึก ขณะที่จีนพยายามบังคับให้บริษัทต่างๆ จดทะเบียนในตลาดจีนมากขึ้น และ
(4) สงครามภูมิรัฐศาสตร์ โดยสหรัฐจะเดินหน้าสร้างพันธมิตรร่วมอย่างต่อเนื่อง เช่น AUKUS และ Quad ในขณะที่จีนจะดำเนินการอย่างจริงจังกับไต้หวันมากขึ้น
2. Covid-19 จะแย่ลงก่อนจะดีขึ้น
จากข้อมูลที่มากขึ้นของ Coronavirus สายพันธุ์ Omicron ที่ทำให้เราทราบว่าการระบาดของสายพันธุ์นี้จะ "เร็วแต่ไม่แรง" โดยในกรณีของแอฟริกาใต้ มีจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงต้นเดือน ธ.ค. ที่ประมาณ 3.8 หมื่นราย ก่อนลดลงอย่างรวดเร็ว (ขณะที่การระบาด wave ก่อนหน้ามีผู้ป่วยต่อวันต่ำกว่า แต่ระยะเวลาการระบาดยาวนานกว่า)
ขณะที่อัตราผู้ป่วยที่เสียชีวิตต่ำมาก (0.22% ของผู้ป่วย เมื่อเทียบกับการระบาด wave ก่อนหน้าที่ประมาณ 2.5-4% ของผู้ป่วย) ทั้งหมดบ่งชี้ว่าการระบาดจะรวดเร็วและทำให้ประชากรโลกจำนวนมากติดเชื้อนี้
แต่ข้อดีของการติดเชื้อ Omicron คืออาการที่ไม่หนักนัก โดยที่ส่วนใหญ่มักอยู่ที่ทางเดินหายใจแต่จะไม่ลงปอด และจะป่วยประมาณ 3-5 วัน นอกจากนั้น การติดเชื้อเร็วทำให้โอกาสที่ร่างกายจะไปติดเชื้อสายพันธุ์อื่นทำได้ยากขึ้น จึงเป็นไปได้ว่าเมื่อติดเชื้อดังกล่าวแล้วจะมีภูมิต้านทานขึ้น
อย่างไรก็ตาม ภาพดังกล่าวจะทำให้เศรษฐกิจโลกในไตรมาสที่ 1 ยังมีความเสี่ยง โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนาที่วัคซีนยังไม่พร้อม ขณะที่ประเทศพัฒนาแล้วจะยังกักวัคซีนไว้เพื่อฉีด Booster Dose ต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้ความเสี่ยงการระบาดในประเทศกำลังพัฒนามีมากขึ้น
และในกรณีเลวร้ายคือหากมีการติดเชื้ออย่างรวดเร็วและนำไปสู่การกลายพันธุ์ อาจทำให้โอกาสที่โรค Covid-19 กลายเป็นโรคประจำถิ่น (Endamic) อย่างที่ผู้เขียนเคยมองไว้ยากขึ้น
3. การกำกับด้านเทคโนโลยีของภาครัฐต่อธุรกิจในประเทศจะรุนแรงขึ้น
ในปี 2022 การกำกับด้านเทคฯ จากภาครัฐที่จะเข้มข้นขึ้น โดยเฉพาะในแง่สิทธิและข้อมูลส่วนบุคคล (Data privacy) ความปลอดภัยด้านไซเบอร์ (Cyber-security) และประเด็นด้านจริยธรรมในการใช้ AI โดยกลุ่มประเทศที่ยึดในหลักการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสูงสุดได้แก่สหภาพยุโรป ที่ได้ออกกฎ GDPR หรือ General Data Protection Regulation
GDPR เป็นกฏหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ที่มีโทษค่อนข้างแรง เช่น ค่าปรับ 4% ของรายได้ต่อปีของบริษัท หากบริษัทนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้โดยไม่ได้รับความยินยอม (คล้ายกับ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือ PDPA ของไทย และกฎหมายที่คล้ายกันในหลายประเทศทั่วโลก)
ประเด็นเหล่านี้จะรุนแรงมากขึ้นเนื่องจากหลายประเทศทั่วโลกจะจัดเลือกตั้งในปีนี้ และเป็นไปได้ที่บริษัทเทคฯ จะนำข้อมูลผู้ใช้งานไปให้ AI วิเคราะห์เพื่อประโยชน์เชิงการเมือง โดยอาจนำไปสู่การปลุกปั่นยุยงทางไซเบอร์ ดังนั้น ทางการจะคุมเข้มในประเด็นเหล่านี้มากขึ้น
4. การเลือกตั้งกลางเทอม (Midterm Election) ของสหรัฐจะดุเดือดรุนแรง
ในเดือนพฤศจิกายน อาจเป็นไปได้ที่พรรค Republican จะชนะทั้งสองสภา ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น รัฐบาลไบเดนจะกลายเป็นรัฐบาล "เป็ดง่อย" ในทันที เนื่องจากไม่สามารถผลักดันวาระสำคัญ ๆ ได้ ดังนั้น จึงเป็นไปได้สูงที่ทางพรรค Democrat จะมองว่าการแพ้เลือกตั้งเป็นผลจากการเปลี่ยนกฎเกณฑ์การเลือกตั้งในระดับท้องถิ่น โดยเฉพาะในรัฐที่ผู้ว่าการรัฐและ/หรือสภามลรัฐเป็นของ Republican
ขณะที่พรรค Republican จะมองว่าชัยชนะครั้งนี้เป็นหลักฐานว่า Democrat โกงการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2020 และที่สำคัญกว่านั้น หาก Republican ได้ชัยชนะ เป็นไปได้สูงที่อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมพ์ จะกลับมาลงสมัครรับตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2024 และอาจจะชนะด้วย ซึ่งจะทำให้ความเสี่ยงของการเมืองในสหรัฐมีมากขึ้นนับจากนี้ไป
5. ประเด็นรัสเซียจะเป็นหอกข้างแคร่สหรัฐ
ในช่วงเดือน ต.ค.-พ.ย. ที่ผ่านมา รัสเซียได้ส่งกองกำลังกว่า 7 หมื่นนายและอาวุธยุทโธปกรณ์ไปที่ชายแดนที่ติดกับยูเครน พร้อมส่งสัญญาณว่า หากทางกองกำลังแอตแลนติกเหนือหรือ NATO รับยูเครนเข้าเป็นหนึ่งในสมาชิก (ซึ่งจะทำให้รัสเซียมีความเสี่ยงด้านความมั่นคงมากขึ้น) ทางรัสเซียอาจส่งกองกำลังดังกล่าวเข้าบุกยึดยูเครน
ส่วนสหรัฐส่งสัญญาณว่าหากรัสเซียบุกยึดยูเครน ทางนาโต้รวมทั้งสหรัฐก็พร้อมจะตอบโต้ทั้งความช่วยเหลือทางการทหารและการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ เช่น ตัดสถาบันการเงินรัสเซียออกจากระบบชำระเงินของสหรัฐ (Swift) หรือให้ชาติยุโรปโดยเฉพาะเยอรมนีหยุดรับการสั่งซื้อก๊าซธรรมชาติของรัสเซียที่ส่งผ่านท่อส่ง Nord Stream 2
แม้ว่าสถานการณ์ในระยะหลังจะดีขึ้นเป็นลำดับหลังประธานาธิบดีปูตินได้คุยกับไบเดน และส่งสัญญาณว่าจะไม่ยกระดับความตึงเครียดขึ้น แต่ยังปฏิเสธไม่ได้ว่าความเสี่ยงของสงครามในยุโรปยังมีต่อเนื่อง
โดยเฉพาะโอกาสที่จะเกิด “อุบัติเหตุ” ระหว่างกองกำลังนาโต้กับเรือและเครื่องบินของรัสเซีย รวมถึงความเสี่ยงการโจมตีทางไซเบอร์ของรัสเซียและการแทรกแซงในการเลือกตั้งของสหรัฐและที่อื่น ๆ
เหล่านี้คือ 5 ความเสี่ยงแรกด้านภูมิรัฐศาสตร์โลกในปี 2022 อีก 5 ความเสี่ยงที่เหลือคืออะไร โปรดติดตาม
บทความนี้เป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ไม่เกี่ยวข้องใด ๆ กับหน่วยงานที่ผู้เขียนสังกัดอยู่
คอลัมน์ : Global Vision
ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์
ฝ่ายวิจัยการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด
[email protected]