จับตาอสังหาฯ ปีนี้ จะมีสงครามราคาหรือไม่?
ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ที่สถานการณ์โควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคและสร้างความท้าทายแก่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ เราได้เห็นว่าผู้ประกอบการหลายค่ายต่างพยายามปรับตัวปรับกลยุทธ์เพื่อให้ผ่านวิกฤตินี้ไปได้
ซึ่งหนึ่งกลยุทธ์ที่เราเห็นได้ชัดเจนอย่างเป็นรูปธรรมนั่นก็คือการลดราคาและข้อเสนอพิเศษมากมาย จนสร้างปรากฏการณ์บ้านและคอนโดราคาพิเศษที่แทบไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าวก็เพื่อระบายสต็อกสินค้าและเพิ่มกระแสเงินสดเพื่อรักษาสภาพคล่องให้ธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้
หากดูจากผลประกอบการในปีที่ผ่านมาของหลายบริษัทที่เป็นกลุ่มบริษัทมหาชน โดยเฉพาะรายใหญ่ๆ ก็พบว่ามีผลประกอบการเป็นที่น่าพอใจสำหรับในสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่สู้ดีนัก สะท้อนการปรับตัวที่ค่อนข้างดี
ซึ่งทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ จากมาตรการกระตุ้นตลาดของภาครัฐทั้งเรื่องการผ่อนคลายมาตรการ LTV รวมถึงมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและการจดจำนอง ก็มีส่วนช่วยแบ่งเบาภาระกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภคได้เช่นกัน
สำหรับในส่วนของผู้ประกอบการ คาดว่ากลยุทธ์เรื่อง “ราคา” ในปีนี้น่าจะยังมีความสำคัญ แต่ในรูปแบบของการลดราคาทำโปรโมชั่นร้อนแรง ไม่น่าจะดุเดือดเท่าในปีที่ผ่านมา เพราะสต็อกได้ถูกระบายออกไปแล้วค่อนข้างมาก จึงไม่มีความจำเป็นที่ต้องทำสงครามราคา
อาจจะเป็นในลักษณะการพัฒนาโครงการที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกคุ้มค่าเงินที่ต้องจ่ายมากกว่า เช่นการแข่งขันเชิงคุณภาพ รูปแบบโครงการ และเรื่อง “บริการหลังการขาย” ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการรายหลายนำมาชูเป็นอีกหนึ่งจุดขายในปีนี้ด้วย
“บริการหลังการขาย” นอกจากในขั้นตอนการย้ายเข้าอยู่แล้ว บริการหลังการอยู่อาศัยก็เป็นปัจจัยสำคัญเช่นกัน เมื่อก่อนลูกค้าผู้ซื้อโครงการบ้าน/คอนโด อาจจะยังมองข้ามในเรื่องนี้ แต่ปัจจุบันกลายเป็นสิ่งที่คนเริ่มตระหนักถึงความสำคัญมากขึ้น ยิ่งจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดที่ผ่านมา
โดยเฉพาะการบริการจาก “ทีมบริหารนิติบุคคลประจำโครงการ” เพราะเป็นผู้มีบทบาทต่อการดูแลจัดการพื้นที่ส่วนกลาง ดูแลความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกด้านการใช้ชีวิตในโครงการให้ผู้อยู่อาศัย ซึ่งนิติบุคคลคือผู้ที่ดูแล ออกมาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดในโครงการ ทั้งเรื่องการคัดกรองผู้เข้าออกโครงการ การดูแลสุขอนามัยและทำความสะอาดฆ่าเชื้อในพื้นที่ส่วนกลาง ประสานอำนวยความสะดวกส่งตัวผู้ป่วยติดเชื้อในโครงการ ดังนั้นโครงการไหนที่มีนิติบุคคลมืออาชีพดูแล ก็จะช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีได้
การพิจารณาเลือกบริษัทบริหารนิติบุคคลจึงควรเลือกบริษัทที่มีมาตรฐาน มีความเป็นมืออาชีพ เพื่อการดูแลโครงการที่มีประสิทธิภาพ เช่น
ด้านมาตรฐาน ได้รับการรับรองในระดับสากล กระบวนการทำงานต่างๆ ได้รับการควบคุม โปร่งใส สามารถตรวจสอบได้
ด้านความปลอดภัย มีระบบจัดการความปลอดภัยและมีการควบคุมกำกับเจ้าหน้าที่รปภ. ให้ปฏิบัติงานได้ตรงตามมาตรฐานที่ตั้งไว้ เช่น การเดินตรวจลาดตระเวณ ระเบียบปฏิบัติในการดูแลผู้อยู่อาศัย มีการช่วยฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ รปภ.ประจำโครงการ
ด้านการบริการ มีบริการที่ครอบคลุมและตอบโจทย์ความต้องการของผู้อยู่อาศัยในโครงการ ให้บริการด้วยความเต็มใจ เข้าใจลูกค้า และมีความยืดหยุ่นสามารถปรับรูปแบบการบริการให้เหมาะสมกับทุกสถานการณ์
ด้านระบบวิศวกรรมอาคาร ควรมีทีมสนับสนุนจากส่วนกลางที่มีความเชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบระบบวิศวกรรม มีการทำ Preventive Maintenance ช่วยดูแลและยืดอายุเครื่องจักร ควบคุมค่าใช้จ่าย
ด้านการอยู่อาศัย สามารถช่วยอำนวยความสะดวก ประสานงาน ดูแลทุกเรื่องการใช้ชีวิตในโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีการสื่อสารประชาสัมพันธ์กฎระเบียบ มาตรการการดูแลต่างๆ รวมถึงมีการจัดกิจกรรมให้กับลูกบ้านและผู้อยู่อาศัยในโครงการเพื่อสร้างประสบการณ์การอยู่อาศัยที่ดี
ด้านเทคโนโลยี เพื่อเสริมการดูแลและอำนวยความสะดวกในโครงการ เช่น มีแอพพลิเคชั่นด้านการอยู่อาศัยเพื่อเป็นช่องทางการติดต่อให้ลูกบ้านในโครงการ มี Smart Locker สามารถรับพัสดุได้ 24 ชั่วโมง มี EV Charger ตอบโจทย์การใช้รถยนต์พลังงานสะอาด เป็นต้น
ดังนั้น ปีนี้เรื่องบริการหลังการขายจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในการสร้างจุดขายในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ในส่วนของผู้บริโภคเอง การเลือกซื้อบ้าน/คอนโด นอกจากเรื่องราคาแล้วก็ควรให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน เพราะหากโครงการใดมีบริการหลังการขายที่ดี ย่อมส่งผลทั้งในด้านการมีคุณภาพชีวิตที่ดี การอยู่อาศัยที่สะดวกสบายอุ่นใจ
ตลอดจนเรื่องมูลค่าโครงการในอนาคต เพราะหากโครงการแห่งนั้นได้รับการดูแลอย่างมืออาชีพ โครงการก็จะมีสภาพดี สวยงามน่าอยู่เหมือนวันแรก ระบบต่างๆ ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งเสริมให้โครงการมีมูลค่าเพิ่ม ส่งผลดีในระยะยาว ซึ่งนั่นก็หมายถึงความคุ้มค่าที่จะลงทุนซื้อครับ