อยู่กลางสงครามระหว่างเพื่อน | บวร ปภัสราทร

อยู่กลางสงครามระหว่างเพื่อน | บวร ปภัสราทร

ตราบเท่าที่คนยังรู้จักคิด ตราบนั้นความขัดแย้งย่อมเกิดขึ้นได้ ขัดแย้งกันบางเรื่องก็จบลงง่าย ๆ แต่ส่วนใหญ่มักไม่จบและบานปลายมากขึ้น จากเรื่องขัดใจกันเล็ก ๆจากการสื่อสารที่คลาดเคลื่อน ขยายกลายเป็นความรู้สึกต้องการเอาชนะกัน

ต้องการทำให้คนหนึ่งต้องแพ้ให้ได้ กล่าวให้ร้ายกันสะสมเพิ่มเติมขึ้นจนกลายเป็นสงครามระหว่างกัน  แต่คนที่จะแย่ที่สุดกลับไม่ใช่คู่สงครามที่ต่อสู้กัน แต่เป็นคนกลางที่รู้จักคุ้นเคยกับคู่สงครามที่จะโดนลูกหลงจากทั้งสองฝ่าย ซึ่งมองซ้ายก็เพื่อน มองขวาก็เพื่อน จะโต้กลับให้สาสมก็ทำไม่ลง

เพื่อนทำสงครามกับเพื่อน ให้รักษาความเป็นกลางไว้อย่างมั่นคง คิดไปในทางบวกกับทุกฝ่ายที่ขัดแย้งกัน  แล้วพยายามอย่างเต็มที่ที่จะไม่กลายไปเป็นพันธมิตรของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง การวางตัวเป็นกลางระหว่างเพื่อนที่กำลังทำสงครามกันทำได้ไม่ง่ายนัก 

ดังนั้นให้แสดงให้เห็นว่าเราเข้าใจความรู้สึกของคู่อริแต่ละฝ่าย เราเห็นอกเห็นใจทั้งสองฝ่าย เรายินดีรับฟังข้อขัดใจของทั้งสองฝ่าย  เราพร้อมที่จะเป็นที่พึ่งพิงในยามที่เพื่อนฝูงทุกข์ยาก  แต่เรายังหวังว่าจะคบค้ากับคู่อริทั้งสองฝ่ายได้ อย่าเกรงใจที่จะบอกความคิดที่จะต้องการเป็นเพื่อนกับทั้งสองฝ่ายที่ขัดแย้งกันให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้ทราบ ไม่น่าจะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหักหาญความประสงค์ของเรา 

ในระหว่างที่เพื่อนกำลังทำสงครามกัน "ความรู้สึก" สำคัญกว่ารายละเอียดของความขัดแย้ง  คู่อริต่างคนต่างต้องการหาพรรคพวก ถ้าปฏิเสธไม่เข้าเป็นพวกอาจถูกตราหน้าให้เป็นศัตรู ดังนั้นให้ระมัดระวังการสื่อสารกับคู่อริทั้งสองฝ่ายไว้ให้ดี  คำพูดของคนที่กำลังโกรธกันมักรุนแรงเกินกว่าที่เป็นจริง 

ถ้าพยายามเอาใจคนที่กำลังคุยกับเรา ด้วยการแสดงความเห็นด้วยกับคำกล่าวร้ายเหล่านั้น ความเป็นกลางของเราจะสิ้นสุดลงทันทีที่อีกฝ่ายหนึ่งได้รู้ว่าเราเห็นด้วยกับอีกฝ่ายหนึ่ง ดังนั้นอย่ากังวลที่จะบอกว่าเราไม่เห็นด้วยกับคำกล่าวร้ายเหล่านั้น

หรืออย่างน้อยที่สุดก็แค่งดแสดงความเห็นใด ๆ ในระหว่างที่คุยกับคู่สงครามฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งให้ฟังมากกว่าปล่อยคำพูดออกมา  ฟังฝ่ายหนึ่งด่าอีกฝ่ายหนึ่งได้ แต่อย่าเผลอไปช่วยด่าอีกฝ่ายหนึ่งก็แล้วกัน 

รักษาความเป็นเพื่อนที่น่าเชื่อถือไว้ ด้วยการไม่เผลอไปหลุดปากคำร้ายๆที่ได้ฟังมา ให้ฝ่ายที่ถูกกล่าวร้ายนั้นได้ทราบอย่างเด็ดขาด เพราะไม่ดีทั้งวันนี้และวันหน้า ไม่ดีวันนี้คือจะเป็นการขยายความขัดแย้งให้รุนแรงขึ้น ไม่ดีวันหน้าคือหากวันหน้าสองฝ่ายคืนดีกันแล้วได้รู้ว่าเรานำคำกล่าวร้ายของฝ่ายหนึ่งไปถ่ายทอดให้กับอีกฝ่ายหนึ่ง เราจะกลายเป็นตัวร้ายของทั้งสองฝ่าย 

อย่าลืมว่าคำกล่าวร้ายในระหว่างกำลังโกรธแค้นนั้น บ่อยครั้งที่คนพูดจะเสียใจในภายหลังที่ได้พูดออกไป  การหลีกเลี่ยงไม่ถ่ายทอดคำร้าย ๆของฝ่ายหนึ่งไปถึงอีกฝ่ายหนึ่งทำให้เราได้รับความเชื่อถือจากคู่สงครามในวันที่ทุกฝ่ายกลับมาคืนดีกันแล้ว 

ดีขึ้นไปอีกระดับหนึ่งคือ สามารถเล่นบทบาทในการยุติสงครามจากความขัดแย้งระหว่างเพื่อนลงไปได้ ลองใช้ความคิดสร้างสรรค์สร้างเวทีกิจกรรมที่คนโกรธกันสามารถกระทำร่วมกันได้ จะมากจะน้อยไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่เรื่องใหญ่คือเป็นเวทีกิจกรรมที่สร้างบรรยากาศให้มีการสื่อสารกันระหว่างคนที่กำลังเป็นอริกันได้บ้าง  

ถ้าวันเวลาผ่านไป แต่ยังมีการกล่าวร้ายระหว่างกันเกิดขึ้นอยู่ ให้หาจังหวะที่จะบอกตรง ๆให้แต่ละฝ่ายทราบว่าคำกล่าวหาในยามที่กำลังโกรธแค้นอยู่นั้น อาจมีบางเรื่องที่เกินเลยไป ซึ่งจะย้อนกลับไปบั่นทอนความรู้สึกของคนนั้นเอง

ลองเตือนสติว่าเจ้าคิดเจ้าแค้นไม่ดีกับใครทั้งนั้น ถ้ายังไม่ลดราวาศอกลงไป ลองชวนแต่ละฝ่ายย้อนคุยถึงต้นเหตุของความขัดแย้งที่บานปลายกลายเป็นสงครามระหว่างเพื่อน 

เพราะหลายครั้งที่ต้นเหตุแห่งความขัดแย้งเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่สื่อสารกันไม่ดีพอ และมุ่งแต่จะเอาชนะกันมากเกินไปจนทำลายความรู้สึกที่ดีระหว่างกัน  เรื่องเล็กจึงกลายเป็นความขัดแย้งใหญ่ แต่ไม่ถึงกับต้องไปขุดรายละเอียดกันว่าเริ่มต้นขัดแย้งกันตรงนี้ แล้วต่างฝ่ายต่างทำอะไรขึ้นมาอีกบ้าง

เราแค่พยายามเตือนให้เขาย้อนไปทบทวนว่า บรรดาความรู้สึกย่ำแย่ที่เกิดขึ้นระหว่างกันมานานวันนั้น แท้จริงแล้วมาจากต้นเหตุที่เป็นเรื่องเล็กๆ ที่สื่อสารกันไม่รู้เรื่องในวันนั้นเท่านั้นเอง.
คอลัมน์ : ก้าวไกล วิสัยทัศน์
รศ.ดร.บวร ปภัสราทร
คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี