วันทำงานสัปดาห์ละสี่วัน | บวร ปภัสราทร
โรคระบาดและภัยเศรษฐกิจจากสงคราม ทำให้เกิดภาวะกดดันในการทำงานมากกว่าที่เคยเจอะเจอกันมา แค่ทำงานกันท่ามกลางโรคระบาดมาร่วมสองปี ในเมืองฝรั่งก็เกิดการเฮโลกันเปลี่ยนงานขนานใหญ่ ซึ่งบ้านเราไม่ได้เกิดการย้ายงานเปลี่ยนงานกันขนานใหญ่เหมือนเมืองฝรั่ง
คงยอมรับกันว่าทำงานกันวันนี้สร้างความเครียดมากกว่าที่ผ่านมาอย่างเห็นได้ชัด แนวทางหนึ่งที่คิดกันมานานแล้วที่ว่าควรลดความเครียดในการงาน โดยลดเวลาทำงานจากเดิมที่เคยทำงานกันห้าวัน หรือสี่สิบชั่วโมง ให้เหลือแค่สี่วัน หรือสามสิบสองชั่วโมง ได้มีการนำมาปัดฝุ่นกันใหม่
เพราะมีความเป็นไปได้มีมากขึ้นหลังจากที่เราผ่านการทำงานจากบ้านตามมาตรการล็อกดาวน์ของรัฐ เราคุ้นเคยกับการทำงานผ่านออนไลน์กันโดยทั่วหน้า ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์เพียงอย่างเดียวที่เราได้จากโรคระบาดในครั้งนี้
การลดเวลาทำงานลงเหลือสี่วัน ไม่ได้หมายถึงผลงานลดลงตามเวลาทำงาน แต่เป็นการปรับเปลี่ยนให้การงานสามารถทำได้ในระยะเวลาที่สั้นลง ซึ่งหลายเรื่องนั้นก่อนยุคโควิด ไม่มีใครยอมให้ปรับเปลี่ยน โควิดมาเปิดโอกาสให้ได้ทบทวนว่าอะไรบ้างที่เราทำได้ด้วยวิธีการใหม่ที่ใช้เวลาน้อยลง เราทำงานปริมาณและคุณภาพไม่ต่ำกว่าเดิมได้ โดยใช้เวลาลดลงประมาณหนึ่งในห้าของที่เคยทำ
เดิมเคยประชุมกันทั้งวันเพื่อตัดสินใจเกี่ยวกับงานประจำที่ทำกันอยู่ทุกวันก็ปรับมาให้เหลือสักไม่เกินครึ่งชั่วโมงสำหรับการตัดสินใจเกี่ยวกับงานประจำ แล้วใช้อีกสักสองสามชั่วโมงสำหรับเรื่องใหม่ที่มีความสลับซับซ้อน
หรือเรื่องที่เป็นความท้าทายในการบรรลุเป้าหมายในการทำงานของเรา นอกจากนั้นหลายบริการกลายเป็นดิจิทัลไปแล้ว เราสามารถให้บริการเจ็ดวันยี่สิบสี่ชั่วโมงได้โดยไม่ต้องเป็นภาระกับคนทำงานส่วนใหญ่ได้แล้วในวันนี้
จากประสบการณ์ของประเทศและบริษัทที่ลดวันทำงานลงมา พบว่ามีผลโดยตรงกับความพยายามของบุคลากรในการทุ่มเททำงานให้สำเร็จภายในกรอบเวลาที่กำหนด พอเวลาที่มีให้ลดลง พบว่าบุคลากรจะทำงานอย่างมีผลิตภาพมากขึ้น ซึ่งคล้ายกับที่เรามีพลังฮึดทุ่มเททำงานเมื่อใกล้กำหนดเวลาที่งานต้องเสร็จ
คงเคยมีประสบการณ์ทำงานจนเกือบสว่างคาตา เพื่อปิดงานให้ทันตามกำหนดกันมาแทบทุกคน คนปรับวิธีทำงานตามเวลาที่มีให้เสมอ พอลดเหลือสี่วันแล้วไม่ได้ทำให้ทำงานจนเป็นวัวเป็นควายในแต่ละวัน แต่เป็นกุศโลบายให้มีการปรับตัวทำงานอย่างชาญฉลาดมากขึ้น
วันหยุดที่เพิ่มขึ้นสร้างขวัญและกำลังใจให้เพิ่มขึ้น ผู้คนมีโอกาสใช้ชีวิตในสิ่งที่ตนต้องการได้มากขึ้น ใครมีครอบครัวก็ได้เวลาอยู่กับครอบครัวมากขึ้น เจอศึกหนักรอบตัวถ้ามีเวลากับครอบครัว หรือคนที่รัก จะช่วยเติมเต็มกำลังใจในการไปสู้กับสารพัดความยากเย็นที่อยู่ข้างหน้า ใครอยากทำอะไรเป็นงานอดิเรก ก็ทำได้อย่างจริงจังมากขึ้น และอาจกลายเป็นโอกาสใหม่ๆ ในชีวิต รวมถึงกลายเป็นแหล่งรายได้ใหม่ในยามยากของคนที่ไม่มีบัตรคนจน
ยิ่งไปกว่านั้นหนึ่งวันหยุดที่เพิ่มขึ้นมาอาจช่วยให้เรามีเวลาคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆได้จากการที่เรามีเวลาหลุดพ้นจากภาระประจำเพียงพอที่จะทบทวนวิธีการต่าง ๆที่เราใช้ในการทำงานที่ผ่านมาวุ่นวายกับการงานไปพร้อม ๆกับทบทวนว่าอะไรน่าจะหาหนทางใหม่ ๆมาใช้ได้บ้างนั้นไม่อาจกระทำได้ง่ายๆ
รวมทั้งวันนี้มีเรื่องใหม่ๆ ที่ต้องเรียนรู้เพิ่มขึ้นมากมาย จะไป Upskill Reskill เรื่องใดให้มีความรู้ มีทักษะใหม่ๆ ก็ทำได้โดยไม่ต้องใช้ชีวิตห้าวันทำงาน สองวันเล่าเรียนหาความรู้ หาวิริยะฐานะเพิ่มเติม
วันหยุดเพิ่มขึ้นแค่หนึ่งวันนี้นำไปสู่สรรพสิ่งที่ล้วนใช้สู้ภัยเศรษฐกิจที่ยากเย็น และเต็มไปด้วยความเสี่ยงนานาประการได้ อย่างน้อยที่สุดก็ดีกว่าการที่รู้เท่าเดิม เก่งเท่าเดิม พักผ่อนเท่าเดิม กำลังใจเท่าเดิมในขณะที่กำลังฝ่าพายุใหญ่เดินทางไปข้างหน้า
คงไม่ใช่แค่การทำงานที่ควรคิดเรื่องทำงานสี่วันต่อสัปดาห์ แต่รวมถึงโรงเรียนและสถานศึกษาในระดับต่าง ๆด้วย เด็กจะได้มีเวลาค้นหาตัวตนของเขามากขึ้น วันหน้าอาจจะกลายเป็นผู้นำที่ชาญฉลาดสามารถช่วยพาบ้านเมืองให้พ้นยามยากไปได้อย่างสง่างาม.
คอลัมน์ : ก้าวไกลวิสัยทัศน์
รศ.ดร.บวร ปภัสราทร
คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี