ราคาน้ำมันทรงตัว 'อุปทานล้นตลาด' ลุ้น ฤดูหนาว - ตรุษจีน หนุนความต้องการใช้น้ำมัน

ราคาน้ำมันทรงตัว 'อุปทานล้นตลาด' ลุ้น ฤดูหนาว - ตรุษจีน หนุนความต้องการใช้น้ำมัน

สถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก มีหลายประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ทั้งจากเศรษฐกิจจีนที่ยังชะลอตัวและแนวโน้มอุปทานที่ล้นตลาด รวมถึงปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์และการเมือง อีกทั้งในช่วงตรุษจีน และฤดูหนาว อาจสร้างการกระตุ้นให้เกิดความต้องการน้ำมันสูงขึ้นได้

สถานการณ์ ราคาน้ำมันดิบ ในตลาดโลก มีปัจจัยกดดันหลักจากเศรษฐกิจจีนที่ยังชะลอตัว และแนวโน้มการผลิตส่วนเกินที่กดดันตลาด แต่ราคาอาจรับแรงหนุน หากมีการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง และหากจีนมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในปีหน้า รวมถึงความต้องการในการใช้น้ำมันที่อาจเพิ่มขึ้นช่วง เทศกาลตรุษจีน และ ฤดูหนาว อาจช่วยเสริมแนวโน้มราคาน้ำมันช่วงต้นปี 2568 ซึ่งมองรายละเอียดแต่ละประเด็นได้ดังนี้

เศรษฐกิจจีนยังไม่ฟื้นตัวดี ส่งผลให้การใช้น้ำมันดิบทรงตัว แม้การนำเข้าน้ำมันดิบของจีนเดือน พ.ย. 2567 อยู่ที่ 11.81 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้น 14.3% จากปีก่อนหน้า เพราะราคาน้ำมันลดลง ทั้งนี้คาดการณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนปี 2567 อาจต่ำกว่า 5% อย่างไรก็ตามยังคงมีแนวโน้มเชิงบวกในปี 2568 หลังคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ประกาศจะใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายปานกลาง และเตรียมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในปีหน้า

ขณะเดียวกัน เมื่อมองไปที่เศรษฐกิจสหรัฐ พบว่า ตลาดแรงงานยังเติบโตระดับเหมาะสม ขณะที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากแคนาดาและเม็กซิโก 25% โดยไม่ยกเว้นการนำเข้าน้ำมันดิบ อาจสร้างแรงกดดันต่อต่อต้นทุนการผลิตและ อัตราเงินเฟ้อ ภายในประเทศสูงขึ้น ส่งผลให้ ธนาคารกลางสหรัฐ อาจเพิ่มความระมัดระวังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2568 ซึ่งมีความคาดหวังว่านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของทรัมป์ระยะแรกอาจเพิ่มความต้องการใช้น้ำมันในประเทศภายในประเทศได้

ในส่วนของสภาพภูมิอากาศช่วงฤดูหนาว คาดการณ์ว่าอาจมีคลื่นความหนาวในภูมิภาคยุโรป โดยในเดือน ธ.ค. 2567 จะต่ำกว่าปี 2566 ประมาณ 3-4 องศาเซลเซียส เป็นปัจจัยสนับสนุนการใช้ก๊าซธรรมชาติจากคลังสำรอง ส่งผลให้ราคาก๊าซสูงขึ้น และกระตุ้นให้หันมาใช้น้ำมันในภาคอุตสาหกรรมแทน

ทางด้านกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปกพลัส) ได้เลื่อนแผนการทยอยเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันอีกครั้ง จากกำหนดเดิมในเดือน ม.ค. 2568 เป็นสิ้นสุดไตรมาสแรกปี 2568 พร้อมลดปริมาณการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันแต่ละเดือนจาก 180,000 บาร์เรลต่อวัน เหลือ 138,000 บาร์เรลต่อวัน 

สำหรับปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์และการเมืองนั้น ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-ฮิซบอลเลาะห์มีแนวโน้มคลี่คลาย แต่มีรายงานถึงการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงจากทั้งสองฝ่าย ทำให้มีความกังวลว่าสถานการณ์อาจรุนแรงอีกครั้ง 

นอกจากนี้ มีแนวโน้มว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะประกาศมาตรการคว่ำบาตรการ ส่งออกน้ำมัน ของอิหร่านให้เข้มงวดขึ้น ดังนั้นจึงคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบ ICE Brent เคลื่อนไหวในกรอบ 70-75 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล