3 เหตุผล ทำไม 'ตลาดหุ้นเวียดนาม' ยังน่าลงทุน
ชวนวิเคราะห์โอกาสและปัจจัยน่าลงทุน "ตลาดหุ้นเวียดนาม" อีกหนึ่งตลาดหุ้นที่นักลงทุนทั่วโลกต่างจับตาและให้ความสนใจ หลังมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นตั้งแต่ต้นปี 2023
ในปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นเวียดนาม เผชิญความผันผวนจากปัจจัยทั้งในประเทศ จากการปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วของธนาคารกลางเวียดนาม ความกังวลต่อปัญหาใน ภาคอสังหาฯ และปัจจัยจากต่างประเทศ อาทิ การล็อกดาวน์ของจีน สงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน อัตราเงินเฟ้อ ที่อยู่ในระดับสูง และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ในปี 2023 ตลาดหุ้นเวียดนามได้กลับมาเป็นตลาดที่น่าจับตามองของเหล่านักลงทุนทั่วโลกอีกครั้ง โดยตั้งแต่ต้นปีมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ +20% (YTD) (ข้อมูล ณ วันที่ 30 สิงหาคม 2023) ซึ่งเป็นตลาดที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นลำดับ 3 รองจาก NASDAQ และ NIKKEI
ผลตอบแทนดัชนีตลาดหุ้นนับจากต้นปี 2023 ถึง วันที่ 30 สิงหาคม 2023
ที่มา : Bloomberg
ปัจจัยกดดันต่างๆ เริ่มคลี่คลาย หลังธนาคารกลางปรับลดดอกเบี้ยแล้วถึง 4 ครั้ง เพื่อสนับสนุนการเติบโตเศรษฐกิจภายในประเทศ ขณะที่ธนาคารพาณิชย์เริ่มกลับมาปล่อยสินเชื่อ ส่งผลให้ ภาคอสังหาฯ เริ่มมีสัญญาณฟื้นตัว พร้อมกับการผ่อนคลายนโยบายที่เกี่ยวข้องกับภาคอสังหาฯ เช่นเดียวกับ อัตราเงินเฟ้อ ของเวียดนามมีแนวโน้มที่ลดลง สอดคล้องกับอัตราเงินเฟ้อทั่วโลก โดยมีรายละเอียดในด้านต่างๆ ดังนี้
ตัวเลขเศรษฐกิจเริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัว
หน่วยงานสถิติเวียดนามเปิดเผยตัวเลข GDP ในไตรมาส 2 ขยายตัว 4.14% YoY สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 3.8% YoY และสูงกว่าไตรมาส 1 ที่ขยายตัว 3.3% YoY ส่วนหนึ่งมาจากการฟื้นตัวของยอดส่งออกยังมีแนวโน้มกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น หลังจากที่จีนกลับมาเปิดประเทศอีกครั้ง แม้ว่าการส่งออกไปยังสหรัฐและยุโรปจะปรับตัวลดลง แต่คาดการณ์ว่าจะเป็นการปรับตัวลงในกรอบแคบมากขึ้นจากการการผ่อนคลายความตึงตัวของห่วงโซ่อุปทาน และคาดว่าการส่งออกไปยังจีนจะฟื้นตัวดีขึ้นจากการที่สหรัฐลดการพึ่งพาการนำเข้าสินค้าจากจีน ในขณะที่ช่วงที่เหลือของปี คาดว่าการส่งออกเวียดนามจะได้รับอานิสงส์จากการ restock สินค้าจากสหรัฐ
อีกหนึ่งปัจจัยหนุนเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวมาจากภาคการท่องเที่ยว โดยเวียดนามมีจำนวนนักท่องเที่ยวในเดือนสิงหาคมสูงถึง 1.2 ล้านคน และมีจำนวนทักท่องเที่ยวต่างชาติ 8 เดือนแรกของปีนี้ จำนวน 7.8 ล้านคน ซึ่งคิดเป็น 98% ของเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้จำนวน 8 ล้านคน ภายในปีนี้ อีกทั้งทางรัฐบาลได้มีการออกนโยบายวีซ่าใหม่ จะยิ่งเป็นปัจจัยช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติได้มากขึ้น และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยมีการตั้งเป้าจำนวนนักท่องเที่ยวใหม่ไว้ที่จำนวน 12 ล้านคน ในปีนี้
นอกจากนี้ เวียดนามยังมีเงินลงทุนไหลเข้าจากการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น 8% YoY ในช่วง 8 เดือนแรกของปี หรือคิดเป็นมูลค่ารวม 18.15 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยหลังจากเกิดความตึงเครียดระหว่างสหรัฐกับจีนและความเสี่ยงจากการล็อกดาวน์ประเทศจากโควิด ส่งผลให้บรรดาผู้ผลิตย้ายฐานการผลิตออกจากจีน ไม่เพียงเท่านั้น เวียดนามยังมีแรงงานที่มีคุณภาพและค่าจ้างแรงงานที่ถูก รวมถึงเรื่องสิทธิประโยชน์ทางการค้าผ่านการทำข้อตกลงระหว่างประเทศต่างๆ จึงเป็นแรงดึงดูดให้เวียดนามเป็นประเทศเนื้อหอมต่อนักลงทุนต่างประเทศ
ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2023 ทางรัฐบาลได้มีการเบิกจ่ายงบประมาณไปเพียง 35.5% แสดงให้เห็นว่า ทางภาครัฐยังคงมีเม็ดเงินในการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกค่อนข้างมากในช่วงที่เหลือของปี ซึ่งในปี 2023 รัฐบาลมีเป้าหมายที่จะอัดฉีดเม็ดเงินอยู่ที่ระดับ 707 Trillion Dong ดังนั้นรัฐบาลจำเป็นที่จะต้องอัดฉีดเม็ดเงินลงทุนอีกประมาณ 65-70 Trillion Dong ต่อเดือน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้
รัฐบาลเวียดนามและธนาคารกลางออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ
- การปรับลดอัตราดอกเบี้ย ธนาคารกลางเวียดนามมีการผ่อนคลายนโยบายการเงินตั้งแต่ต้นปี โดยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายติดต่อกัน 3 ครั้งแล้วในปีนี้ จากระดับ 6% ลงมาสู่ระดับ 4.5% หลังจากที่เงินเฟ้อของเวียดนามผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว โดยลดลงจากระดับ 4.89% ในเดือนมกราคม มาสู่ระดับ 2.96% ในเดือนสิงหาคม ขณะที่โอกาสที่จะปรับลดดอกเบี้ยลงไปอีกยังคงมีอยู่ แต่ยังคงต้องจับตาอัตราเงินเฟ้อจะชะลอลงได้อีกหรือไม่
- ปรับลดภาษี VAT รัฐบาลเวียดนามมีแผนในการลดภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จาก 10% มาอยู่ที่ระดับ 8% ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม - ธันวาคม 2023 เพื่อเป็นการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย โดยเป็นการเพิ่มอำนาจการใช้จ่ายระยะสั้น ทั้งในภาคการบริโภคและกิจกรรมทางธุรกิจ ยกเว้นกลุ่มธุรกิจภาคอสังหาฯ ธนาคาร หลักทรัพย์ ประกันภัย และธุรกิจสื่อสาร
- เพิ่มระยะเวลา VISA ท่องเที่ยว นายกรัฐมนตรีของเวียดนามได้มีการสั่งแก้ไขนโยบายเกี่ยวกับวีซ่าใหม่ โดยขยายระยะเวลาของกลุ่มแรกที่ต้องของวีซ่าครอบคลุม 80 ประเทศ ในการพำนักในประเทศจากเดิมสูงสุดได้เพียง 30 วัน เป็น 90 วัน กลุ่มที่ 2 คือ กลุ่มที่ได้รับการยกเว้นวีซ่า 13 ประเทศ จากเดิมที่อยู่ได้ไม่เกิน 15 วัน ขยายเพิ่มเป็น 45 วัน ขณะที่ประเทศจากกลุ่มอาเซียนสามารถอยู่ในเวียดนามโดยไม่ต้องมีวีซ่าได้นานถึง 30 วัน
- ผ่อนคลายการควบคุมตลาดตราสารหนี้ รัฐบาลเวียดนามได้ออกกฎหมาย "Decree 8/2023" เพื่อบรรเทาความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ของบริษัทอสังหาฯ โดยอนุญาตให้บริษัทผู้ออกตราสารหนี้ปรับโครงสร้าง และยืดระยะเวลาการชำระหนี้ออกไปได้ 2 ปี โดยต้องได้รับความยินยอมจากผู้ถือหุ้นก่อน พร้อมทั้งอนุญาตให้ใช้สินทรัพย์ที่จับต้องได้ (physical assets) ชำระหนี้ได้ รวมถึงผ่อนคลายความเข้มงวดด้านเครดิตของผู้ออกตราสารหนี้ เพื่อให้ง่ายต่อการเข้าถึงแหล่งเงินทุนมากขึ้น
นักลงทุนรายย่อยกลับเข้าตลาดหลังดอกเบี้ยเงินฝากลดลง ขณะที่ตลาดหุ้นยังเทรดไม่แพง
อัตราดอกเบี้ยเงินฝากเฉลี่ยในหลายธนาคารพาณิชย์เวียดนามปรับลง เช่นเดียวกัน Yield พันธบัตรรัฐบาล ปรับลงอย่างรวดเร็ว
ที่มา : Bloomberg
ธนาคารเวียดนามหลายแห่ง ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยหลังจากธนาคารกลางเวียดนาม ประกาศปรับลดเพดานดอกเบี้ยเงินฝาก โดยล่าสุดอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก 12 เดือน ลดลงจากระดับ 9% ลงมาเฉลี่ยอยู่ที่ 6.50% ขณะเดียวกัน Bond Yield Vietnam 10Y ปรับตัวลดลงจากระดับ 4.63% ในเดือนมกราคม สู่ระดับ 2.66% ในเดือนสิงหาคม (ข้อมูล 31 สิงหาคม 2023) ดอกเบี้ยเงินฝากและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับตัวลดลง ซึ่งส่งผลให้ตลาดหุ้นกลับมาเป็นที่น่าสนใจมากขึ้น ทำให้ปริมาณการเทรดในตลาดหุ้นเวียดนามกลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
จากที่กล่าวมาข้างต้น จะเห็นได้ว่า ตลาดหุ้นเวียดนาม ยังคงมีปัจจัยหนุนหลายปัจจัย และมองว่าตลาดหุ้นเวียดนามในช่วงนี้ถือเป็นจังหวะที่น่าลงทุน โดยหากพิจารณาจาก Fwd P/E ที่อยู่ที่ระดับ 9.8 เท่า ยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี ที่ระดับประมาณ 12 เท่า อีกทั้งได้มีการปรับ Earnings Growth เพิ่มขึ้น ในขณะที่ดัชนียังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ระดับ P/E ไม่ได้มีการปรับตัวขึ้นตามมากนัก ทำให้ตลาดเวียดนามในปีนี้ กลายเป็นที่น่าจับตามองและเป็นที่น่าสนใจแก่นักลงทุน
ที่มา : Bloomberg, Vnexpress และ Mirae Asset
ข้อมูล บทความ บทวิเคราะห์และการคาดหมาย รวมทั้งการแสดงความคิดเห็นทั้งหลายที่ปรากฏอยู่ในรายงานฉบับนี้ทำขึ้นบนพื้นฐานของแหล่งข้อมูลที่ดีที่สุดที่ได้รับมาและพิจารณาแล้วเห็นว่า น่าเชื่อถือ แต่ทั้งนี้ไม่อาจรับรองความถูกต้อง ความสมบูรณ์ แท้จริงของข้อมูลดังกล่าว ความเห็นที่แสดงไว้ในรายงานฉบับนี้ได้มาจากการพิจารณาโดยเหมาะสมและรอบคอบแล้ว และอาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งล่วงหน้าแต่อย่างใด บทความ บทวิเคราะห์ และการคาดหมายทั้งหลายที่ปรากฏ อยู่ในรายงานฉบับนี้เป็นการนำไปใช้โดยผู้ใช้ยอมรับความเสี่ยงและเป็นดุลยพินิจของผู้ใช้แต่เพียงผู้เดียว
ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บลจ.ทิสโก้ หรือ TISCO Contact Center โทร. 0 2633 6000 กด 4, 0 2080 6000 กด 4 และเว็บไซต์ tiscoasset หรือแอปพลิเคชัน TISCO My Funds