ราคาน้ำมันดิบจะขึ้นไปแตะที่ระดับ 100 ดอลลาร์สหรัฐ หรือไม่ ?
จับตาทิศทาง "ราคาน้ำมันดิบ" มาดูกันว่าจะมีปัจจัยใดบ้าง ที่ส่งผลกระทบต่อการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน และจะมีโอกาสพุ่งไปแตะที่ระดับ 100 ดอลลาร์สหรัฐ หรือไม่ ต้องติดตาม
หากลำดับเหตุการณ์การเคลื่อนไหวของ ราคาน้ำมันดิบ ก่อนที่จะกลับมายืนเหนือระดับ 90 ดอลลาร์สหรัฐ พบว่า ตั้งแต่ในช่วงปลายปี 2022 ขณะนั้นราคาน้ำมันดิบ WTI ได้ปรับลดลงต่ำสุดอยู่ที่ระดับ 65 ดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้สมาชิกกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่กับชาติพันธมิตร หรือ OPEC+ ได้เริ่มมีมติปรับลดกำลังการผลิตรวม 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน เริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปี 2022 จนถึงสิ้นปี 2023 ทำให้ราคาน้ำมันเริ่มปรับเพิ่มสูงขึ้น นำไปสู่การตัดสินใจของรัฐบาลสหรัฐ จำเป็นต้องปล่อยน้ำมันออกจากคลังสำรองฉุกเฉิน เพื่อกดดันราคาน้ำมันดิบให้ลดลง ต่อมาในช่วงต้นปี 2023 หลังจากที่ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงมาได้ระยะหนึ่ง ทางซาอุดีอาระเบียและกลุ่ม OPEC+ ก็ได้ประกาศปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มอีก 1.66 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งหมายความว่า ปริมาณกำลังการผลิตน้ำมันทั้งหมดของกลุ่ม OPEC+ จะลดลงมากถึง 3.66 ล้านบาร์เรลต่อวัน
การปรับลดกำลังการผลิตในปี 2023 ยังไม่จบเพียงเท่านั้น เพราะในเดือนมิถุนายน ทาง OPEC+ ได้ประกาศขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันจากเดิมที่จะสิ้นสุดในปี 2023 ออกไปจนถึงสิ้นปี 2024 ขณะเดียวกันด้านซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ของโลกได้ประกาศ ลดกำลังการผลิตน้ำมันอีก 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ตั้งแต่กรกฎาคมถึงสิงหาคม ขณะที่ในเดือนกรกฎาคม รัสเซียผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ของโลกเป็นอีกประเทศที่ได้ออกมาประกาศปรับลดการส่งออกน้ำมัน 5 แสนบาร์เรลต่อวัน ตั้งแต่สิงหาคมถึงกันยายน และล่าสุดในเดือนกันยายนทางซาอุดีอาระเบียได้ประกาศขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตไปจนถึงสิ้นปีแทน ขณะที่ทางรัสเซียก็ได้มีการประกาศจะขยายกรอบเวลาปรับลดการส่งออกน้ำมัน โดยจะลดปริมาณการส่งออกน้ำมัน 3 แสนบาร์เรลต่อวัน ไปจนถึงสิ้นปี 2023 แทน
ในระยะสั้นราคาน้ำมันมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อ แต่คาดว่าจะเป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้น
ประมาณการแรก (First Estimate) ของสมดุลน้ำมันโลกเดือนสิงหาคม 2023
ที่มา : TISCO ESU
ในระยะสั้นมองว่า ราคาน้ำมันยังมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจาก 1) ถ้าหากดูจากการประมาณการแรก (First Estimate) ของสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2023 ตลาดน้ำมันจะยังคงอยู่ในภาวะที่อุปสงค์น้ำมันมากกว่าอุปทานน้ำมัน (Excess Demand) เนื่องจากหลายประเทศเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว ทำให้ความต้องการ Heating Oil จะอยู่ในระดับสูง ขณะที่อุปทานน้ำมันยังคงปรับตัวลดลงไปจนถึงสิ้นปี 2023 และ 2) แรงเก็งกำไรของนักลงทุนหลังราคาน้ำมันมีทิศทางปรับเพิ่มขึ้น สะท้อนผ่านราคาในตลาดน้ำมันล่วงหน้า โดยราคา Future Oil กลับเพิ่มสูงกว่า Spot Oil นอกจากนี้ยังเห็นการปรับ "Long Position" ของเทรดเดอร์ในตลาดปรับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
สัดส่วนการเปิดสัญญา Long Option ราคาน้ำมันเร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว-สะท้อนภาวะเก็งกำไรเพิ่มขึ้น
ที่มา : Bloomberg
มีมุมมองว่าในช่วงเข้าใกล้ปลายปี หรือไตรมาสที่ 1 ของปี 2024 ราคาน้ำมันจะเริ่มลดความร้อนแรง โดยมีโอกาสจะเกิดกลับมาเกิดภาวะ Excess Supply จากความเป็นไปได้ที่ซาอุดีอาระเบียจะยุติการปรับลดการผลิต ในขณะที่ในฝั่งของอุปสงค์น้ำมัน (Demand) มีโอกาสชะลอลงเนื่องจาก 1) การเข้าสู่ช่วง Maintenance ของโรงกลั่นซึ่งมักจะเกิดขึ้นในช่วงเดือนมกราคม ถึงกุมภาพันธ์ของทุกๆ ปี ส่งผลต่อความต้องการน้ำมันดิบลดลง 2) หากราคาน้ำมันที่สูงมากเกินไปในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายทั่วโลกอยู่ในระดับสูง ท้ายที่สุดจะส่งผลให้เศรษฐกิจกลับมาชะลอตัว และลดความต้องการใช้พลังงาน 3) ราคาน้ำมันดิบที่สูงกว่าระดับ 100 ดอลลาร์สหรัฐ จะทำให้ผู้ประกอบการผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐเริ่มกลับมาสนใจเพิ่มกำลังการผลิตส่งผลให้อุปทานน้ำมันเพิ่มขึ้นได้บ้าง และ 4) อุปสงค์น้ำมันในช่วงไตรมาส 3 ที่เพิ่มขึ้นจากในช่วงฤดูร้อนจากการเดินทางเช่น การขับขี่รถยนต์ และการเดินทางโดยเครื่องบินจะเริ่มชะลอลง
ดังนั้น ในระยะสั้นการปรับเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันดิบที่กดดันบรรยากาศการลงทุนในช่วงนี้จะยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะจากปัจจัยการเก็งกำไรที่เพิ่มสูงขึ้น แต่คาดว่าการปรับเพิ่มขึ้นจะเริ่มลดลงในช่วงปลายปี-ไตรมาสที่ 1 ปี 2024 แต่ในระหว่างนี้ยังคงต้องจับตาการออกมาเคลื่อนไหวของซาอุดีอาระเบียจะมีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด ซึ่งถือว่าจะมีผลอย่างมากต่อการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบ รวมถึงอีกตัวแปรสำคัญคือ การเร่งกระตุ้น เศรษฐกิจจีน ซึ่งตลาดคาดว่าจะไม่มีการกระตุ้นด้วยเม็ดเงินขนาดใหญ่ หากปัจจัยดังกล่าวเปลี่ยนไปอาจทำให้ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นเร็วกว่าที่คาด
ที่มา : Bloomberg, Financial Time, TISCO ESU, EIA, CNBC, Reuters
ข้อมูล บทความ บทวิเคราะห์และการคาดหมาย รวมทั้งการแสดงความคิดเห็นทั้งหลายที่ปรากฏอยู่ในรายงานฉบับนี้ทำขึ้นบนพื้นฐานของแหล่งข้อมูลที่ดีที่สุดที่ได้รับมาและพิจารณาแล้วเห็นว่า น่าเชื่อถือ แต่ทั้งนี้ไม่อาจรับรองความถูกต้อง ความสมบูรณ์ แท้จริงของข้อมูลดังกล่าว ความเห็นที่แสดงไว้ในรายงานฉบับนี้ได้มาจากการพิจารณาโดยเหมาะสมและรอบคอบแล้ว และอาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งล่วงหน้าแต่อย่างใด บทความ บทวิเคราะห์ และการคาดหมายทั้งหลายที่ปรากฏ อยู่ในรายงานฉบับนี้เป็นการนำไปใช้โดยผู้ใช้ยอมรับความเสี่ยงและเป็นดุลยพินิจของผู้ใช้แต่เพียงผู้เดียว
ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บลจ.ทิสโก้ หรือ TISCO Contact Center โทร. 0 2633 6000 กด 4, 0 2080 6000 กด 4 และเว็บไซต์ tiscoasset หรือแอปพลิเคชัน TISCO My Funds