หัวอก "ข้าราชการเกษียณ" เข้าไม่ถึงยา-สิทธิการรักษา
"ข้าราชการเกษียณ" ร้องถูกลิดรอนสิทธิ์การเข้าถึงการรักษาพยาบาล โดยเฉพาะยานวัตกรรมใหม่ๆ ที่ข้าราชการไทยไม่สามารถเบิกได้ ซ้ำร้ายยังถูกมองว่าเป็นช้างป่วย เผยแม้เกษียณแล้วแต่ก็ยังช่วยเหลือสังคมมากมาย
"ระเบียบของทางราชการหรืองบประมาณของทางราชการของประเทศไทย ได้ขยายตัวพร้อมที่จะดูแลรักษาประชาชนของประเทศหรือไม่ ขณะนี้ทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญของการดูแลผู้สูงอายุให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น" นี่เป็นการตั้งคำถามดังๆ ไปถึงรัฐบาลของ พลตรีหญิง พูลศรี เปาวรัตน์ นายกสมาคมพิทักษ์สิทธิข้าราชการ หนึ่งในข้าราชการเกษียณอายุที่ทวงถามถึงนโยบายในการดูแล ผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่มีมากในสังคมไทย ซึ่งประเทศไทยเข้าสู่ สังคมผู้สูงอายุ แล้ว แต่หลักการดูแลคนกลุ่มนี้ดูเหมือนยังไม่ถูกพัฒนาและมีแนวโน้มลดลงโดยเฉพาะ ข้าราชการเกษียณ ที่ทำงานรับใช้ประเทศมาเกือบทั้งชีวิต
พลตรีหญิง พูลศรี มองว่า การเข้ามาเป็นข้าราชการเสมือนเป็นพันธะสัญญากันระหว่างรัฐบาลกับข้าราชการที่ต้องดูแลซึ่งกันและกันไปจนถึงบั้นปลายชีวิตด้วยเงินบำนาญและการมีคุณภาพชีวิต ด้วยสิทธิในการเข้าถึงสวัสดิการทางการแพทย์ เพราะไม่เพียงแค่ครั้งยังรับราชการ แต่เมื่อเกษียณแล้ว ข้าราชการเกษียณก็ยังทำคุณงามความดีเพื่อสังคม
"ข้าราชการทุกคนทำคุณให้ประเทศ ไม่เพียงแค่ครั้งยังรับราชการอยู่เท่านั้น แต่เมื่อเกษียณแล้ว ข้าราชการเกษียณ ก็ยังทำคุณงามความดีเพื่อสังคมและประเทศชาติได้เมื่อมีโอกาส ข้าราชการเกษียณ เรามีโครงการคลังสมองหรือแม้กระทั่งเป็นจิตอาสาทำงานให้ประเทศชาติโดยไม่มีค่าตอบแทนใดๆ การเป็นที่ปรึกษาบ้างหรือการเป็นปราชญ์ชาวบ้านให้ความรู้เด็ก โดยอาศัยข้าราชการวัยเกษียณ ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือในหมู่บ้านในการแนะนำถ่ายทอดความรู้ต่างๆ รวมทั้งกิจการสาธารณะที่เราอาสารับใช้สังคมและประชาชน โดยอาศัยความรู้และประสบการณ์ตามความถนัดในแต่ละสาขาที่ตัวเองได้รับราชการมา เช่น งานกิจการสาธารณะสุข" พลตรีหญิง พูลศรี ระบุ
พลตรีหญิง พูลศรี กล่าวต่อว่า ข้าราชการทุกคนมีความภูมิใจในการรับใช้ประชาชนและประเทศชาติ พร้อมยอมรับถึงผลตอบแทนที่มีฐานเงินเดือนต่ำเมื่อเทียบกับรัฐวิสาหกิจและเอกชน แม้เกษียณอายุยังต้องเสียภาษีให้ถูกต้องตามกฏหมาย แต่ทุกวันนี้คนกลุ่มนี้กำลังถูกมองข้าม เพราะไม่สามารถเข้าถึงสิทธิการรักษาพยาบาล โดยเฉพาะการได้รับยานวัตกรรมใหม่ๆ ครั้นจะไปเรียกร้องหรือทวงถามก็ไม่สามารถทำได้ เพราะขัดกับกฎหมายวินัยข้าราชการ
"กฎหมายข้าราชการจะมีกฏหมายบังคับหรือเรียกว่าวินัยของข้าราชการ ถ้าเกิดอะไรที่ไม่เป็นธรรมจากรัฐบาลหรือส่วนบริหาร เราจะไม่มีสิทธิเรียกร้อง ในขณะเดียวกัน ประชาชนที่ไม่ใช่ข้าราชการจะได้รับการดูแลสวัสดิการจากสำนักงานประกันสังคม และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดยเฉพาะ สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติหรือบัตรทอง จะมีการพัฒนาและประกาศเพิ่มชุดสิทธิประโยชน์ทุกปี ซึ่งต่างจากสิทธิข้าราชการซึ่งดูแลโดยกระทรวงการคลัง มีการกำหนดนโยบายตั้งเป้าในการลดงบประมาณลงทุกปี แต่ทุกวันนี้โรคภัยไข้เจ็บมีมากขึ้น เทคโนโลยีและยาใหม่ก็ถูกพัฒนาตามองค์ความรู้ที่เพิ่มพูนขึ้น เพื่อต่อสู้กับภาวะเจ็บป่วยและให้ประชาชนมีสุขภาวะที่ดีขึ้น ซึ่งอาจจะมีราคาสูงตามต้นทุนของการวิจัย" พลตรีหญิง พูลศรี กล่าว
ดังนั้น ในฐานะนายกสมาคมพิทักษ์สิทธิข้าราชการ จึงอยากร้องเรียนไปยังรัฐบาลให้ ข้าราชการเกษียณ สามารถเข้าถึงยานวัตกรรมใหม่ๆ ที่มีประสิทธิภาพในการรักษา กำหนดกรอบในการกำกับดูแลการจัดทำบัญชียาและอุปกรณ์การแพทย์ให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการรักษามากกว่าการพิจารณาจากงบประมาณที่ถูกจำกัดในการรักษา และจัดสรรงบประมาณของรัฐให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะการรักษาสุขภาพของประชาชนให้อยู่ในลำดับต้นๆ เพราะประชาชนของประเทศใดมีสุขภาพที่ดี ย่อมสามารถขับเคลื่อนประเทศให้แข็งแกร่งขึ้นได้ และการออกมาเรียกร้องสิทธิการรักษาพยาบาลของข้าราชการในครั้งนี้ จึงเป็นอีกเสียงหนึ่งของ ข้าราชการไทย ที่รัฐควรนำไปพิจารณาและปรับปรุงแก้ไขให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันภาวะล้มละลายจากการเจ็บป่วยของประชาชนที่มีรายได้ลดลงเมื่อเข้าสู่ช่วงสูงอายุ