ทูตพาณิชย์เล่าแผน “จีน” พร้อม ก่อนเคลื่อนสู่เศรษฐกิจสีเขียว
จำนวนประชากร และขนาดเศรษฐกิจของจีน กำลังส่งให้จีนเป็นเหมือนเข็มทิศทางเศรษฐกิจของโลก ดังนั้น การเบนเข็มเศรษฐกิจสู่นโยบายเพื่อสิ่งแวดล้อม หรือเศรษฐกิจสีเขียว จึงเป็นแรงเหวี่ยงที่สำคัญต่อเศรษฐกิจโลก และไทยในฐานะคู่ค้ารายสำคัญระหว่างกัน
จีรนันท์ หิรัญญสัมฤทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครเซี่ยงไฮ้ ให้สัมภาษณ์ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า
ไม่กี่ปีที่ผ่านมา รัฐบาลจีนให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจสีเขียว และได้ออกนโยบายที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจสีเขียว มากขึ้น ทำให้ตลาดจีนค่อยๆ กลายเป็นตลาดสีเขียว ทั้งการลดใช้พลังงานที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและใช้พลังงานใหม่เพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ การบริโภคของชาวจีนที่ยกระดับสูงขึ้น ยังทำให้อุตสาหกรรมการผลิตของจีนมีความเป็นสีเขียว เช่น การปล่อยคาร์บอนต่ำ และผลิตสินค้าสีเขียว และสินค้าอัจฉริยะออกสู่ตลาดมากขึ้นตามลำดับ
“ปี 2564 การใช้พลังงานสิ้นเปลืองของจีนลดลง 2.7% ขณะที่การใช้พลังงานสะอาดของจีน ขยายตัวขึ้น1% สอดคล้องกับการผลิตรถยนต์พลังงานใหม่ ที่ขยายตัวขึ้น 145.6% แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสีเขียวของจีนกำลังพัฒนาไปในทิศทางที่ดี และการบริโภคสินค้าในเศรษฐกิจสีเขียวของจีนจะโตขึ้นตามลำดับ”
สิ่งที่น่าจับตามองต่อการขับเคลื่อนสู่เศรษฐกิจสีเขียวของจีนคือ อุตสาหกรรมอาหารสีเขียวซึ่งสืบเนื่องจากแนวคิดการบริโภคของชาวจีนเปลี่ยนไปจากเดิม และมีความเป็นอยู่ดีขึ้น ทำให้อาหาร สีเขียวกลายเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมในตลาดจีนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังผลักดันให้ธุรกิจอาหาร สีเขียวของจีนเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยในปี 2564 ธุรกิจอาหารสีเขียวของจีนมีจำนวน 23,493 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2563 จำนวน 4,172 ราย ขยายตัวขึ้น 21.59%
“ไม่กี่ปีมานี้ รัฐบาลจีนให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจสีเขียวมากขึ้น โดยได้ออกนโยบายการบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิลดลงภายในปี 2030 และความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) ภายในปี 2060”
โดยรัฐบาลจีนได้ออกมาตรการส่งเสริมอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สนับสนุนการบริโภค และการลงทุนในอุตสาหกรรมสีเขียวของจีน โดยสนับสนุนให้การคลังในท้องถิ่นขยายการสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมสีเขียวคาร์บอนต่ำ การพัฒนาใช้เทคโนโลยีและการสร้างสรรค์ในอุตสาหกรรม แนะแนวทางการลงทุนในโครงการสีเขียว พร้อมกับลดหย่อนภาษีให้กับธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ประหยัดพลังงาน และน้ำ เป็นต้น อีกทั้งยังให้การสนับสนุนด้านสินเชื่อ ด้านการเงิน และลดค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมการเงินของธุรกิจสีเขียว เป็นต้น
“หากหันมามองอุตสาหกรรมสีเขียวของไทยที่มีพื้นฐานอุตสาหกรรมเกษตร และเกษตรแปรรูปที่ดีนี้ จะส่งผลให้สามารถพัฒนาสินค้าเกษตรสีเขียวและเกษตรแปรรูปสีเขียวคุณภาพสูงได้มากขึ้น และมีโอกาสที่จะเติบโตในตลาดจีนมากขึ้น”
ทั้งนี้ จะเห็นว่า ปัญหาสภาพภูมิอากาศของโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้ภาครัฐของแต่ละประเทศต่างก็เร่งหาแนวทางรับมือกับปัญหา เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดในอนาคต อาทิ การปรับเปลี่ยนโครงสร้างของอุตสาหกรรมการผลิตที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การพึ่งพาเศรษฐกิจสีเขียวและเศรษฐกิจดิจิทัลมากขึ้น เป็นต้น โดยในด้านการค้า ธุรกิจต่างๆ จำเป็นต้องตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อมและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อุตสาหกรรมการผลิตที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จำนวนมาก และทำลายสิ่งแวดล้อม
"เทรนด์การค้าของโลกในอนาคต ประกอบด้วย เทรนด์การค้าสินค้าคาร์บอนต่ำซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการค้าโลก 2 ด้าน ด้านแรกคือ หลายประเทศทั่วโลกจะเก็บภาษีคาร์บอนมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ต้นทุนของสินค้าที่ปล่อยคาร์บอนสูงปรับตัวสูงขึ้น ทำให้สินค้าคาร์บอนต่ำกลายเป็นสินค้าที่มีความได้เปรียบทั้งในการค้าภายในประเทศและระหว่างประเทศมากขึ้น ด้านที่สองคือ ความเป็นกลางด้านคาร์บอนจะทำให้การค้าสินค้าคาร์บอนต่ำและอุปกรณ์ติดตั้งพลังงานใหม่โตขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ประเทศที่มีความได้เปรียบด้านเทคโนโลยีกลายเป็นประเทศที่มีความได้เปรียบมากขึ้น"
ส่วนเทรนด์การค้าดิจิทัล โดยมีการคาดการณ์ว่า 50% ของเศรษฐกิจโลกจะได้รับการพัฒนาเป็นเศรษฐกิจดิจิทัลภายในปี 2568 การค้าของโลกอยู่ในรูปแบบดิจิทัลมากขึ้น เทคโนโลยีดิจิทัลไม่เพียงจะทำให้โครงสร้างและรูปแบบของการค้าระหว่างประเทศเปลี่ยนแปลงไป
ปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นปัญหาที่หลายประเทศทั่วโลกต่างก็ให้ความสำคัญ และนำมาสู่การพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียว ซึ่งเมื่อมองในตลาดจีน เศรษฐกิจสีเขียวของจีนโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากรัฐบาลจีนให้ความสำคัญและออกนโยบายสนับสนุนหลายด้าน ทั้งในด้านการเงิน เทคโนโลยี และการกระตุ้นความต้องการของผู้บริโภคชาวจีน เป็นต้น ซึ่งตลอดหลายปีที่ผ่านมา จีนเป็นประเทศผู้ส่งออก และเป็นผู้นำเข้าอันดับต้น ของไทย
เมื่อตลาดจีนมีความต้องการสินค้าสีเขียวมากขึ้น ธุรกิจไทยที่เกี่ยวข้องจึงควรหาแนวทางพัฒนาสินค้าให้เป็นสินค้าสีเขียวมากขึ้น ดีต่อสุขภาพ และนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ เพื่อพัฒนาให้เกิดสินค้าที่มีคุณภาพ และได้รับการไว้วางใจจากชาวจีน
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการยังสามารถนำ BCG Model มาใช้ในกระบวนการผลิต กระบวนการแปรรูปจนถึงการส่งออก เพื่อให้ธุรกิจเติบโตขึ้นอย่างยั่งยืนภายใต้สภาพภูมิอากาศของโลกที่ค่อนข้างผันผวน และการแข่งขันที่ค่อนข้างรุนแรง
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์