EV ยี่ห้อดัง 5 ค่ายครองใจนักขับปี 65 เผย"ไทย"ยอดขายโตสูงสุดในอาเซียน
ปี 2565 ที่ผ่านไป กระแส ยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV มาแรงทั้งการพูดถึงและการซื้อหามาใช้ ประชากรEV บนท้องถนนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า ประเทศไทยมีส่วนแบ่ง ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า ส่วนบุคคล (EV) ประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2565 เกือบ 60 %ซึ่งมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ทั้งนี้หากอ้างอิงจากรายงานของบริษัทวิจัยตลาด Counterpoint ซึ่งเปิดเผยว่า ในไตรมาสที่ 3 ปี 2565 ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าส่วนบุคคล (EV) เพิ่มสูงขึ้น 35% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปี 2564
ประเทศที่มีมูลค่าการซื้อขายรถ EV สูงที่สุดในภูมิภาค
- ประเทศไทยมี คิดเป็นส่วนแบ่งทั้งหมดประมาณ 59.2%
- อินโดนีเซีย 25.2%
- สิงคโปร์ 11.8%
รถยนต์ไฟฟ้า ที่มีส่วนแบ่งตลาดสูงสุด
- รถยนต์ไฟฟ้าประเภทแบตเตอรี่ไฟฟ้า (Battery Electric Vehicle) มีส่วนแบ่งตลาดสูงสุดที่ 61% ของทั้งหมด
บริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่มียอดขายสูงสุด
- อันดับแรกคือ Wuling
- Volvo
- BMW
- ORA
- Mercedes-Benz
รายงานของบริษัทวิจัยตลาด Counterpoint ยังเปิดเผยว่า ตลาดยานยนต์ไฟฟ้า ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แม้จะยังคงมีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น โดยตลาดยานยนต์ไฟฟ้ามีส่วนแบ่งเพียงร้อยละ 2 ของรถยนต์ทั้งหมด แต่ถือได้ว่าตลาดยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคเพิ่มมากขึ้นอย่างก้าวกระโดด ปัจจัยด้านนโยบายที่สนับสนุนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากหลายประเทศในภูมิภาคทั้งไทย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และมาเลเซีย ทำให้บริษัทต่างๆ กำลังวางแผนที่จะจัดตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นทั่วทั้งภูมิภาค พร้อมคาดการณ์ว่าจะมีการซื้อขายรถยนต์ไฟฟ้าภายในปี ค.ศ. 2030 มากกว่า 3.5 ล้านคัน
“นโยบายของรัฐบาลสอดคล้องกับแนวโน้มของหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งต่างให้ความสำคัญกับการสนับสนุนการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยนโยบาย EV 30@30 ที่มีเป้าหมายผลิตรถ EV ในไทยให้ได้ร้อยละ 30 ของการผลิตรถยนต์ทั้งหมดภายในปี ค.ศ. 2030 พร้อมมีมาตรการสนับสนุนด้านราคารถ EV ส่งเสริมการลงทุนเกี่ยวกับการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ และสถานีชาร์จไฟฟ้า เพื่อสร้างระบบนิเวศรองรับตลาดรถ EV มีส่วนช่วยผลักดันการเติบโตของตลาดรถ EV ในไทย และยังทำให้ไทยเป็นที่น่าจับตามองจากนักลงทุนในการพิจารณาใช้ไทย เพื่อเป็นฐานของห่วงโซ่การผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนรถยนต์”