“ค่าไฟฟ้าสีเขียว”สรุปให้ครบ จบแผนหนุนธุรกิจไทยเข้าเกณฑ์สากล

“ค่าไฟฟ้าสีเขียว”สรุปให้ครบ   จบแผนหนุนธุรกิจไทยเข้าเกณฑ์สากล

ในการประชุมสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(สำนักงานกกพ.)ครั้งที่5/2566 (ครั้งที่833)เมื่อวันที่1 ก.พ.ที่ผ่านมา และครั้งที่7/2566 (ครั้งที่835)เมื่อวันที่15 ก.พ. มีมติให้เปิดรับฟังความความคิดเห็น(ร่าง)หลักเกณฑ์การกำหนดอัตราค่าบริการไฟฟ้าสีเขียว

โดยหวังว่าจะช่วยลดอุปสรรคในการปฏิบัติตามเงื่อนไขภาษีคาร์บอนข้ามแดนข้อกีดกันทางการค้าที่เกี่ยวข้องรวมทั้งเป็นการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศและยังเป็นมาตรการที่สำคัญในการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการไทยในระยะยาว

นอกจากนี้ในการดำเนินการดังกล่าวยังสนับสนุนการปฏิบัติตามพันธกรณีประชุมสมัชชาประเทศภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ(United Nations Framework Convention on Climate Change Conference of the Parties: UNFCCC COP)ที่ไทยเป็นสมาชิกและได้ร่วมแสดงเจตนารมย์สนับสนุนการมุ่งสู่เป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกเพื่อจำกัดอุณหภูมิของโลกไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิน1.5องศาเซลเซียส

“หลักเกณฑ์การกำหนดค่าบริการUGTเป็นไปตามที่กพช.เห็นชอบให้กกพ.ไปศึกษาและกำหนดแนวทางการจัดทำอัตราค่าบริการไฟฟ้าสีเขียว(Utility Green Tariff)ในโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้าขายปลีกโดยมุ่งหวังว่าจะเป็นการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้กับผู้ส่งออกภาคเอกชนเพิ่มศักยภาพทางการค้าระหว่างประเทศของไทยที่ต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับกฎกติกาด้านการค้าสมัยใหม่ที่ให้ความสำคัญด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม”

สำหรับร่างหลักเกณฑ์ดังกล่าวได้มีการออกแบบและวางแนวทางในการให้การไฟฟ้าเสนออัตราค่าบริการไฟฟ้าสีเขียวในสองรูปแบบคือแบบที่ผู้ใช้ไฟฟ้าไม่ต้องการเจาะจงแหล่งที่มาของไฟฟ้า(UGT1)และแบบที่ผู้ใช้ไฟฟ้าต้องการเจาะจงแหล่งที่มาของไฟฟ้า(UGT2) โดยเป็นการให้บริการไฟฟ้าพลังงานสะอาดจากโรงไฟฟ้าที่มีอยู่เดิมในระบบและที่มีแผนจะพัฒนาใหม่เพิ่มเติมในระยะต่อไปรวมทั้งมีกลไกในการรับรองการส่งไฟฟ้าพลังงานสะอาดจากเชื้อเพลิงประเภทต่างๆเพื่อให้ผู้ใช้ไฟฟ้าสามารถนำไปเคลมการใช้พลังงานสะอาดตามกติกาสากลได้

โดยหลักเกณฑ์ค่าบริการไฟฟ้าสีเขียวทั้งสองรูปแบบเป็นดังนี้

รูปแบบแรกUGT1 (ไม่เจาะจงที่มา)เป็นการให้บริการเกี่ยวกับใบรับรองการผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน(Renewable Energy Certificate: REC)ของโรงไฟฟ้าเดิมที่รัฐมีกรรมสิทธิ์มาให้บริการร่วมกับการให้บริการพลังงานไฟฟ้าและเป็นการให้บริการในลักษณะที่ผู้ใช้ไฟฟ้าไม่ต้องเจาะจงแหล่งที่มาของไฟฟ้าและRECในการขอรับบริการจึงเป็นอัตราค่าบริการส่วนเพิ่ม(Premium)เพิ่มเติมจากอัตราค่าไฟฟ้าตามบิลค่าไฟปกติโดยผู้ใช้ไฟฟ้าสามารถสมัครขอรับบริการในปริมาณต่ำกว่า1 RECได้(1 REC = 1,000หน่วย)และมีระยะเวลาการขอรับบริการสั้น(0-1ปี)

รูปแบบที่สองUGT2 (เจาะจงที่มา)เป็นการเปิดให้ผู้ใช้ไฟฟ้าที่มีการใช้ไฟมากและต้องการขับเคลื่อนการเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนในระบบไฟฟ้าเข้ามารับภาระการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนใหม่โดยมีสัญญาการรับบริการนาน(10-25ปี)และมีการออกแบบโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้าใหม่เนื่องจากมีการซื้อพลังงานไฟฟ้าพร้อมRECจากแหล่งพลังงานแบบเจาะจงที่มาในระยะยาวเข้ามาแทนพลังงานไฟฟ้าเดิมและมีการให้บริการที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม

“เงื่อนไขความเหมาะสมในแต่ละแนวทางจะมีผลดีและความแตกต่างกันไปตามความต้องการของผู้ใช้ไฟฟ้าโดยUGT1จะเหมาะสมกับผู้ใช้ไฟฟ้าที่มีการใช้ไฟฟ้าไม่มากและไม่ต้องการผูกพันสัญญาระยะยาวรวมถึงกลุ่มที่ต้องการไฟฟ้าสีเขียวน้อยกว่าปริมาณการใช้ไฟฟ้าทั้งหมดโดยไม่ต้องการเจาะจงผู้ผลิตไฟฟ้า สำหรับUGT2จะเหมาะกับผู้ใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่ต้องการพัฒนาโรงไฟฟ้าสะอาดใหม่โดยทำสัญญาระยะยาวที่จะใช้ไฟฟ้าจากแหล่งไฟฟ้านั้น100%”

อย่างไรก็ตาม สำนักงานกกพ. จะเปิดรับฟังความคิดเห็นร่างหลักเกณฑ์ฯฉบับดังกล่าวตั้งแต่วันที่21ก.พ.-7มี.ค.นี้ ก่อนที่รวบรวมความคิดเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาเห็นชอบหลักเกณฑ์การกำหนดอัตราค่าบริการไฟฟ้าสีเขียวทั้งสองรูปแบบภายในเดือนมี.ค.นี้