Youngfolks แฟชั่นกับความยั่งยืน แบรนด์รองเท้า ที่ไม่ได้ขายแค่รองเท้า
ทำความรู้จัก ‘Youngfolks’ แบรนด์รองเท้า ที่ไม่ได้ขายแค่รองเท้า แต่ขายความสัมพันธ์ กับสามพี่น้อง ทายาทรุ่นที่ 3 ที่กลับบ้านเพื่อสานต่อในสิ่งที่พ่อรัก พลิกโรงงานผลิตรองเท้าหนัง OEM สู่แบรนด์ไลฟ์สไตล์ ที่ใครๆ ก็ยอมรอ
Key Point :
- Fast Fasion ในปัจจุบันที่เน้นการผลิตจำนวนมาก นำมาเซลล์ และถูกใช้งานไม่กี่ครั้ง สุดท้ายกลายเป็นวัฎจักรที่ทำให้ขยะล้นโลก
- ขณะที่ ‘Youngfolks’ หนึ่งในแบรนด์รองเท้าหนัง ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และจริตคนยุคใหม่ กลับมีโมเดลธุรกิจสวนทาง แถมได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยที่ไม่ต้องสต็อกของและลูกค้ายอมรอ
- เพราะการทำรองเท้าดีๆ มี 3 โจทย์ใหญ่ คือ ต้องเป็นรองเท้าที่ชอบ สีที่ชอบ และ ต้องพอดีกับเท้า ทำให้รองเท้าทุกคู่จากฝีมืออาจารย์ช่างจนถึงมือลูกค้า มีเรื่องราวและความสัมพันธ์ ต่างแบรนด์แฟชั่นอื่นๆ
“เรื่องของ Sustain กลายเป็น Norm ที่ไม่ใช่ทุกแบรนด์ต้องลุกขึ้นมาทำ แต่เป็นสิ่งพื้นฐานที่ทุกแบรนด์ต้องทำ” คำบอกเล่าของ “บุณยนุช วิทยสัมฤทธิ์” เจ้าของแบรนด์รองเท้า ‘Youngfolks’ ที่ให้สัมภาษณ์กับ 'กรุงเทพธุรกิจ' ถึงเส้นทางของแบรนด์หลังจากสานต่อกิจการโรงงานรองเท้าหนังของครอบครัว โดยพลิกธุรกิจจาก OEM สู่แบรนด์ไลฟ์สไตล์ที่ไม่ได้ขายแค่รองเท้า แต่ขายความสัมพันธ์ ที่จะพาทุกคนเดินไปด้วยกันนานๆ
หลังจากกลับสานต่อกิจการเป็นรุ่นที่ 3 เมื่อ 11 ปีก่อน โดยเริ่มจากการทำแบรนด์ 31 THANWA แบรนด์กระเป๋าหนังไฮเอนด์ จนได้รับผลตอบรับที่ดี ต่อยอดสู่การพัฒนาแบรนด์ 'Youngfolks' ที่ร่วมกันบริหารกับพี่ชายทั้งสองคน ด้วยความตั้งใจและความเชื่อว่า Youngfolks ไม่ได้ขายแค่รองเท้า แต่ขายความสัมพันธ์ เพราะความสัมพันธ์มีค่า เหมือนสามพี่น้องที่กลับมาบ้านเพื่อสานต่อในสิ่งที่พ่อรัก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- อุตสาหกรรม "แฟชั่น" ยั่งยืน ลดใช้ทรัพยากร สู่เป้า "Net Zero"
- Fast Fashion กับธุรกิจยุคใหม่ ความท้าทาย - คุ้มค่าทรัพยากรโลก
- ‘บูติคนิวซิตี้’ปรับทัพธุรกิจแฟชั่น ตั้งรับทุกปัจจัยโตแกร่งอย่างยั่งยืน
บุณยนุช กล่าวว่า คีย์หลักของแบรนด์ คือ เพราะทุกความสัมพันธ์มีค่า เราอยากให้ทุกคนได้กลับมาเดินไปด้วยกัน จึงเกิดเป็นแบรนด์ Youngfolks ขึ้น เราตั้งใจทำรองเท้าเป็น Unisex ผู้หญิงก็ใส่ได้ ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่น เรียนจบ ทำงาน อากง อาม่า ใส่ทั้งครอบครัว อยากให้เป็นรองเท้าที่รู้สึกว่า...ไม่ว่าใคร อายุเท่าไหร่ก็ใส่ได้
“แม้จะเป็นโรงงานผลิต แต่ทำไมเราต้องทำธุรกิจโมเดลเหมือนคนอื่น ทำสต็อกเยอะๆ พอถึงวันเซลล์ก็เอามาเซลล์ เป็นวัฎจักรที่ทำให้ขยะล้นโลก ดังนั้น การที่มีรองเท้าดีๆ ใส่และเดินไปด้วยนานๆ คือ หนึ่ง ต้องเป็นรองเท้าที่เขาชอบ สอง นอกจากชอบ ก็ต้องเป็นสีที่ชอบด้วยเพื่อใส่ได้ทุกวัน และ สาม ต้องพอดีกับเท้า ไซต์ต้องพอดี เป็น 3 โจทย์ ที่นำมาเป็นคีย์หลักในการทำโมเดล Youngfolks ทั้งหมดใหม่ที่อาจจะไม่เหมือนแบรนด์แฟชั่นอื่นๆ”
ทั้งนี้ Youngfolks ให้ลูกค้า Personalize ได้ เลือกสีได้ตามใจชอบ สามารถสลับได้ตั้งแต่ 2 สี 4 สี 6 สี 8 สี ตามจริตของลูกค้า รวมถึงตอบโจทย์ Pain Point ของลูกค้าในเรื่องของเท้า ซึ่งบางคนอาจจะมีเท้าอวบ อูม ขนาดเท้าสองข้างไม่เท่ากัน ถึงขั้นต้องซื้อรองเท้า 2 คู่ เกิดการบริโภคเกินพอดี ดังนั้น Youngfolks จึงตอบโจทย์ปัญหาดังกล่าว สามารถสั่งเท้าซ้ายขวาคนละไซต์ได้ เท้ากว้าง อวบอูม ก็สามารถระบุระเบิดหน้าเท้าได้
"ความตั้งใจของเราเกิดผลที่มากมาย คือ ลูกค้าออกแบบแฟชั่นที่เป็นตัวเอง ถัดมา เกิดผลกับคนทำ รองเท้ากลายเป็นสะพานเชื่อมใจระหว่งาอาจารย์ช่างกับคนรับ และ สุดท้าย การทำรองเท้าเท่าความต้องการของคน ไม่ทำสต็อกล้นโลก ทำให้เป็นโมเดลที่แข็งแรงในยุคนี้ ที่คนต้องการความเป็นเอกลักษณ์ และคนรอได้ อย่างน้อยเราเป็นแบรนด์เล็กๆ ที่ลุกขึ้นมาเปลี่ยนว่า คุณไม่ต้อง Fast Fashion ตลอดเวลา แต่เราเป็น Slow motion ทำให้คุณมี Uniqueness และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสื่อสารกับใจคนรับคนทำดีกว่าและยั่งยืนกว่า"
Upcycling Collection
นอกจากนี้ ปัจจุบันผู้ผลิตฟอกหนังมีหนังจำนวนมากที่ไม่ผ่าน QC หรือ อุตสาหกรรมแฟชั่นที่ผลิตวัตถุดิบมาเป็นสต็อกและไม่ได้ถูกนำมาใช้งานให้เกิดประโยชน์ กลายเป็นกองขยะและมลภาวะจากการผลิตเป็นจำนวนมากเช่นกัน เมื่อต้นปีที่ผ่านมา Youngfolks จึงเกิดไอเดียนำหนัง DeadStock จากโรงฟอกหนัง CPL Group Public Co.,Ltd. มาชุบชีวิตใหม่ให้กลายเป็นรองเท้าคู่สวยคู่ใหม่อีกครั้ง เริ่มจากหนังแก้ว 3 สี เป็นคอลเลคชั่นแรก ต่อยอดสู่คอลเลคชั่นที่ 2 คือ การนำผ้ารีไซเคิล 100% จาก SC GRAND ผู้ผลิตผ้ารีไซเคิลครบวงจร มาผสมผสานกับเศษหนังที่เกิดขึ้นระหว่างการทำแพทเทิร์น ประกอบเป็นรองเท้า 1 คู่
“เป็นสิ่งที่เราพยายามจะทำให้เกิดความยั่งยืน ไม่ใช่ผลิตแต่ของใหม่ แต่ใส่ใจในเรื่องวัตถุดิบโดยใช้อย่างคุ้มค่า เพราะกระบวนการผลิตระหว่างทางสร้างมลภาวะเยอะมาก และในอนาคตจะมีสินค้าไลฟ์สไตล์ที่จะเกิดขึ้นอีก ซึ่งขณะนี้ มีหมวกที่ทำจากผ้ารีไซเคิล 100% กระเป๋าใส่มือถือ ผ้าผสมกับเศษหนัง ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่า Youngfolks มีชีวิตและมีความเป็นไลฟ์สไตล์มากขึ้น แต่งตัวเป็น Total look ก็ได้”
ท้ายนี้ ภาพที่อยากจะเห็น Youngfolks ในอนาคต บุณยนุช กล่าวว่า เราเป็นแบรนด์รองเท้าที่อยากให้คนจดจำ ว่าเราไม่ใช่แบรนด์รองเท้าที่ขายแค่รองเท้า แต่ขายความสัมพันธ์ ความรัก และสิ่งแวดล้อม ที่ทุกคนเดินไปด้วยกัน อยากให้เป็นครอบครัวใหญ่ที่ขยายเป็นวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดียวกัน เรื่องของ Sustain กลายเป็น Norm ที่ไม่ใช่ทุกแบรนด์ต้องลุกขึ้นมาทำ แต่เป็นสิ่งพื้นฐานที่ทุกแบรนด์ต้องทำ เราไม่ได้มองว่าเป็นเทรนด์ เช่น แพกเกจจิ้ง ลูกค้าสามารถเลือกได้ว่าจะเอากล่องหรือถุงผ้าเพื่อจะได้นำไปใช้ประโยชน์ต่อได้มากที่สุด ทำให้เป็นปกติของเราจะได้กล้าพูดได้เต็มปากว่า Youngfolks ทำให้ทุกชีวิตเดินไปด้วยกันนานๆ ได้อย่างแท้จริง
รองเท้าปั๊มนูนอักษรเบรลล์
นอกจากนี้ Youngfolks ยังมีโปรเจกต์รองเท้าที่มีปั๊มนูนอักษรเบรลล์ จากการรู้จักกับเจ้าของแบรนด์ .ONCE ที่ผลิตเสื้อผ้าสำหรับผู้พิการทางสายตา พร้อมกับได้เจอลุงจุ่น กับ ป้าอิ่ม ที่เป็นผู้พิการทางสายตา และพบว่าปัญหาหนึ่ง คือ การหารองเท้าไม่เจอ จุดประกายให้เกิดโปรเจกต์ดังกล่าว
ลูกค้าสามารถสั่งชื่อเพื่อปั๊มนูนอักษรเบรลล์ลงบนรองเท้าได้ ซึ่งจะมีการทำบล็อกเฉพาะแต่ละชื่อขึ้นมา โดยหวังว่าโปรเจกต์เล็กๆ ของ Youngfolks จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้อีกหลายแบรนด์แฟชั่น หรืออุตสาหกรรมอื่นๆ หันมาคิดถึง Universal Design หรือ คิดถึงใจคนอีกกลุ่มหนึ่ง และลองดีไซน์ไปด้วยกัน อย่างน้อยทำให้คนอีกกลุ่มหนึ่งสามารถใช้ชีวิตสบายขึ้น เพราะสิ่งที่ผู้พิการทางสายตาต้องการ คือ ความเท่าเทียม และเห็นว่าเขาคือมนุษย์หนึ่งคนที่เดินอยู่บนท้องถนนเหมือนกัน