Pro รวมพลังเพื่อโลก | วิฑูรย์ สิมะโชคดี
เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2566 ได้มีการเปิดตัว “PRO-Thailand Network ” ที่เกิดจากการรวมพลังของ 7 บริษัทระดับโลกเป็นครั้งแรกในประเทศไทย เพื่อขับเคลื่อนการจัดการบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืน
บริษัทพันธมิตรชั้นนำ 7 บริษัทในประเทศไทย ประกาศเปิดตัว “เครือข่ายองค์กรความร่วมมือจัดการบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืน” (Packaging Recovery Organization Thailand Network) หรือ “PRO-Thailand Network” ด้วยความสมัครใจ ภายใต้หลักการ “ขยายความรับผิดชอบไปยังผู้ผลิต" ( Extended Producer Responsibility : EPR )
โดยเน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เพื่อผลักดันให้เกิดการเก็บกลับบรรจุภัณฑ์ใช้แล้วของภาคประชาชน เข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลหรือนำไปใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุด เป็นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และผลักดันให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนในประเทศไทย
สมาชิกของ “PRO-Thailand Network” ประกอบด้วย เจ้าของตราสินค้า ผู้ผลิตสินค้า รวมถึงผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ รวมทั้งสิ้น 7 บริษัท ได้แก่ (1) บริษัท โคคา-โคล่า (ประเทศไทย) จำกัด (2) บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด (3) บริษัท เต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) จำกัด (4) บริษัท ไทยน้ำทิพย์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด
(5) บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด (6) บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด และ (7) บริษัท เอส ไอ จี คอมบิบล็อค จำกัด
ที่ต่างให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและมีนโยบายด้านความยั่งยืนที่ชัดเจนในระดับโลก รวมถึงตระหนักร่วมกันถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากบรรจุภัณฑ์ใช้แล้วของภาคประชาชน ซึ่งหากไม่ได้รับการจัดการอย่างถูกวิธี จะกลายเป็นปัญหาขยะในประเทศไทย
พันธมิตรทั้ง 7 บริษัท ได้ตัดสินใจมารวมตัวกัน “โดยสมัครใจ” ตั้งแต่ปี พ.ศ.2562 เพื่อขับเคลื่อนให้เกิดการจัดการบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืน โดยยึด “หลักการ EPR” เป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินงาน คือ
มุ่งเน้นการจัดการตลอดช่วงชีวิตของบรรจุภัณฑ์ ตั้งแต่ต้นทางคือการออกแบบและเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมาผลิตเป็นบรรจุภัณฑ์ ไปจนถึงปลายทาง คือการเก็บกลับ การรีไซเคิล หรือการแปรสภาพบรรจุภัณฑ์ที่ไม่สามารถรีไซเคิลได้เพื่อนำไปใช้ประโยชน์อย่างอื่น ซึ่งจะส่งเสริมให้เกิดระบบเศรษฐกิจแบบหมุนเวียน (Circular Economy) ในประเทศไทย
ในเบื้องต้นนั้น PRO-Thailand Network ได้เริ่มต้นทดลองโมเดลการจัดการบรรจุภัณฑ์ใช้แล้ว 3 ประเภท โดยการทำงานร่วมกับ “มูลนิธิการจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืน” (มูลนิธิ 3R) อย่างใกล้ชิด คือ
(1) ขวดพลาสติก PET (Polyethylene Terephthalate)
(2) กล่องเครื่องดื่ม (อาทิ กล่องนม น้ำผลไม้ กล่องน้ำกะทิ) และ
(3) ถุงบรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อน (อาทิ ซองขนม กาแฟ)
แนวทางการดำเนินงานของ PRO-Thailand Network ก็คือ ส่งเสริมการเก็บกลับและรีไซเคิลบรรจุภัณฑ์ใช้แล้วของภาคประชาชน เพื่อนำกลับมารีไซเคิล หรือแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ ด้วยวิธีการต่อไปนี้
(1) การสร้างความร่วมมือ ด้วยการทำงานร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตลอดห่วงโซ่การจัดการบรรจุภัณฑ์ใช้แล้ว และการทำงานร่วมกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอื่นๆ ในระบบการจัดการขยะ เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพในการลดขยะบรรจุภัณฑ์และเพิ่มการรีไซเคิลสู่การนำกลับมาใช้ใหม่
(2) การอำนวยความสะดวก ด้วยการพัฒนาปรับปรุงระบบการรีไซเคิลที่เหมาะสมกับบริบทของประเทศตามหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยทำงานอย่างใกล้ชิดกับกลุ่มซาเล้งและร้านรับซื้อของเก่า องค์กร Non-Governmental Organization (NGO) องค์กรธุรกิจและการค้า สื่อมวลชน ประชาชน และหน่วยงานรัฐบาล
(3) การสร้างโมเดลต้นแบบ ด้วยโครงการนำร่องที่มีการพัฒนาและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านการเก็บกลับ การรีไซเคิล และ/หรือการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ ก่อนจะขยายผลเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติอย่างมีประสิทธิภาพในระดับประเทศ
ในวันเปิดตัว อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี) ได้เน้นถึง หน้าที่ความรับผิดชอบของกรมควบคุมมลพิษในเรื่องของการลดการเกิดขยะที่แหล่งกำเนิด การเพิ่มศักยภาพในการจัดการขยะตามหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน รวมถึงการส่งเสริมการบริหารจัดการขยะอย่างถูกวิธี
การทำงานของ PRO-Thailand Network จึงเป็นอีกหนึ่งความร่วมมือที่จะมีส่วนสำคัญ ในการช่วยลดการเกิดขยะจากบรรจุภัณฑ์ที่ใช้แล้วตั้งแต่ต้นทาง โดยเน้นการเก็บรวบรวมบรรจุภัณฑ์กลับไปรีไซเคิลหรือแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ
แต่การจัดการบรรจุภัณฑ์ใช้แล้วอย่างยั่งยืน เป็นสิ่งที่ภาคเอกชนไม่สามารถลงมือ ทำให้ประสบความสำเร็จได้โดยปราศจากแรงสนับสนุนด้านกฎหมายจากภาครัฐ
ภายใต้ “หลักการ EPR” จะต้องกำหนดให้ผู้ที่มีส่วนได้เสียตลอดห่วงโซ่ของบรรจุภัณฑ์ทั้งหมด เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการบรรจุภัณฑ์ใช้แล้ว เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมและเป็นธรรม อันจะนำไปสู่การสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนของประเทศไทยอย่างแท้จริง
“PRO-Thailand Network” ได้ดำเนินโครงการนำร่องนี้ ผ่าน “มูลนิธิ 3R” เพื่อเรียนรู้ ปรับปรุง และพัฒนา PRO Model ให้เหมาะสมกับบริบทของประเทศไทย
ปัจจุบัน “มูลนิธิ 3R” มีภารกิจหลักในการผลักดันให้เกิดการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืน ภายใต้แนวความคิดของ “หลักการ 3R” (Reduce - Reuse - Recycle) เพื่อการบรรลุเป้าหมาย SDGs ของไทยและโลกของเรา
ต่อแต่นี้ไป เราคงจะได้เห็น “บริบทใหม่ของความร่วมมือ” ในการจัดการบรรจุภัณฑ์ใช้แล้วของประเทศไทยที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ครับผม !