“ซีเคพาวเวอร์” ผนึก “บีอีเอ็ม” ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ขับเคลื่อนรถไฟฟ้าในไทย

 แต่เร็วๆ นี้ จะเกิดสิ่งที่ดีที่สุดยิ่งกว่า นั่นคือ การขับเคลื่อนรถไฟบนรางด้วยพลังงานไฟฟ้าที่มาจากแสงอาทิตย์

บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ  CKP  หนึ่งในผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนชั้นนำของอาเซียน ด้วยเป้าหมายที่ตั้งไว้เมื่อปี 2565 ที่จะขยายขนาดธุรกิจให้ใหญ่ขึ้นมากกว่าเท่าตัวภายในปี 2567 พร้อมกับเพิ่มกำลังผลิตกระแสไฟฟ้าจาก 2,000 เมกะวัตต์เป็น 4,800 เมกะวัตต์ โดยกำลังผลิตที่เพิ่มขึ้นทั้งหมดจะมาจากพลังงานหมุนเวียน ได้แก่ พลังแสงอาทิตย์ พลังลม และพลังน้ำ โดยปัจจุบัน ซีเค พาวเวอร์ คือ บริษัทที่มีสัดส่วนกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่ 93% สูงที่สุดในกลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดใหญ่ของประเทศไทย

     ขณะที่บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ  BEM ผู้ให้บริการขนส่งมวลชนรถไฟฟ้ามหานครสองสายในกรุงเทพฯ และทางด่วน  

องค์กรธุรกิจสองแห่งนี้ได้ผนึกกำลังแห่งที่สุดของเทคโนโลยี และที่สุดแห่งพลังงานสะอาดที่ยั่งยืนร่วมกันผ่านการ ลงนามในข้อตกลงที่จะนำไปสู่การใช้กระแสไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานแสงอาทิตย์ในการเดินรถขนส่งมวลชนด้วยรถไฟฟ้าระบบรางครั้งแรกในประเทศไทยเพื่อนำองค์ความรู้และทรัพย์สินเพื่อใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการเดินรถไฟฟ้าสายเฉลิมรัชมงคล (สายสีน้ำเงิน) และสายฉลองรัชธรรม (สายสีม่วง) ซึ่งมีระยะทางกว่า 71 กิโลเมตร ให้บริการขนส่งมวลชน 54 สถานีทั่วกรุงเทพฯ

ธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) เล่าว่า เป็นครั้งแรกที่มีการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการขับเคลื่อนระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนทางรางของประเทศไทย ในขอบเขตการทำงานขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นความภูมิใจที่เป็นรายแรกในประเทศไทย ที่บุกเบิกนำไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ในอุตสาหกรรมใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน การร่วมมือกับบีอีเอ็มครั้งนี้ จะทำให้ประเทศไทยมีการใช้งานไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น

สัญญาความร่วมมือนี้มีระยะเวลา 25 ปี กำหนดจะมีการผลิตกระแสไฟฟ้าป้อนระบบรถไฟใต้ดินในปริมาณมหาศาลถึง 452 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง หรือคิดเป็น 12% ของไฟฟ้าที่ประเมินว่ารถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินกับสายสีม่วงต้องใช้รวมกันทั้งหมด

“ซีเค พาวเวอร์ จะออกแบบด้านวิศวกรรม ติดตั้งและก่อสร้างระบบไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ ตลอดจน ดูแลเรื่องความพร้อมในการจ่ายไฟ และการบำรุงรักษาหลังการติดตั้งอย่างครบวงจร พร้อมรองรับการขยายความร่วมมือในอนาคต ตลอดจนดูแลเรื่องความพร้อมในการจ่ายไฟ และการบำรุงรักษาหลังการติดตั้งอย่างครบวงจร โดยคาดว่างานออกแบบจะแล้วเสร็จในเดือนม.ค.2567 และจะเริ่มงานก่อสร้างในเดือนก.พ.ปีเดียวกันและจะเริ่มจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบในเดือนส.ค.2567 ให้กับรถไฟฟ้าทั้งสายสีน้ำเงิน และสายสีม่วง และจะทยอยส่งมอบจนเต็มระบบในเดือนก.พ.2568

ด้าน สมบัติ กิจจาลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทมุ่งมั่นสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านการใช้พลังงานของไทยไปสู่พลังงานสะอาดและมีส่วนช่วยให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี พ.ศ.2608 ดังนั้น ความร่วมมือกับซีเค พาวเวอร์ ในครั้งนี้ จะทำให้สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 300,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ และยังช่วยลดต้นทุนค่าไฟฟ้าได้อีกด้วย

        “ภายใต้ข้อตกลงนี้ พื้นที่ ที่จะใช้รับพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อนำมาผลิตกระแสไฟฟ้ามีทั้งหมด 6 จุด ครอบคลุมพื้นที่กว่า 106,000 ตารางเมตร อาทิ หลังคาของศูนย์ซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าอาคารที่จอดรถ และอาคารสำนักงานของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินและสายสีม่วง”

สำหรับโครงการนี้ถือเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความร่วมมือที่สำคัญ ซึ่งทั้งสององค์กรกำลังศึกษาแผนงานในการก่อสร้าง และต่อยอดจากความร่วมมือประวัติศาสตร์นี้ เพื่อที่จะเพิ่มสัดส่วนการนำพลังงานจากแหล่งหมุนเวียนมาใช้กับระบบขนส่งที่กำลังเติบโตขยายตัว และมีความต้องการด้านพลังงานที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    ที่สุดของความเชี่ยวชาญ ในด้านต่างๆ เมื่อนำมารวมกัน ก็จะสร้างสิ่งที่เป็นที่สุดของที่สุด ซึ่งความร่วมมือระหว่างซีเค พาวเวอร์ และ บีอีเอ็ม จะเป็นหน้าประวัติศาสตร์ที่ได้วางรากฐานของการใช้พลังงานสะอาดอย่างแท้จริงในระบบขนส่งมวลชนของประเทศไทย และทำให้

ประเทศไทยเปลี่ยนผ่านไปสู่สังคมที่ใช้พลังงานจากแหล่งหมุนเวียนได้อย่างยั่งยืนต่อไป 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์