‘ฟองน้ำแก้วไวน์’ ตัวชี้วัดคุณภาพทะเล ที่เคยสูญพันธุ์ในช่วงปี 1908-1990 ?
“ฟองน้ำแก้วไวน์” เป็นสิ่งมีชีวิตทางทะเลที่นักวิชาการเคยคิดว่า “สูญพันธุ์” ไปหลังช่วงปี ค.ศ.1908 แต่ล่าสุด.. นักดำน้ำไทยพบมันที่ “ทะเลพัทยา” เมื่อย้อนไปในอดีตพบว่า มนุษย์นิยมจับพวกมันมาใช้เป็น “อ่างอาบน้ำเด็ก”
Key Points:
- เมื่อวันที่ 31 ต.ค. ที่ผ่านมา มีรายงานว่าค้นพบ “ฟองน้ำแก้วไวน์” สิ่งมีชีวิตโบราณที่เชื่อว่าสูญพันธุ์ไปแล้วบริเวณทะเลพัทยาของประเทศไทย
- การค้นพบครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าระบบนิเวศทางทะเลของไทยมีความสมบูรณ์ และหลากหลายมากขึ้น เนื่องจากพวกมันจะมีชีวิตอยู่ได้ในทะเลที่มีสารอาหารอุดมสมบูรณ์เท่านั้น
- หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้พวกมันเคยสูญพันธุ์ไปช่วงหนึ่ง เนื่องจากในอดีตมนุษย์นิยมจับพวกมันมาเพื่อเป็นของสะสม และนำมาใช้เป็น “อ่างอาบน้ำสำหรับเด็ก” เพราะบางคนไม่รู้ว่ามันคือสิ่งมีชีวิต
สร้างความฮือฮาในวงการนักดำน้ำ และนักอนุรักษ์ทะเลไทยเป็นอย่างมาก หลังมีการค้นพบ “ฟองน้ำแก้วไวน์” หรือ แก้วไวน์ของเทพเนปจูน (Neptune’s cup sponge) สิ่งมีชีวิตโบราณขนาดใหญ่ที่หลายคนคาดว่าสูญพันธุ์ไปแล้ว แต่ล่าสุด คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ รายงานว่าพบเห็นพวกมันบริเวณทะเลพัทยา จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 31 ต.ค.66 ที่ผ่านมา
การปรากฏตัวของ “ฟองน้ำแก้วไวน์” ครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่า ทะเลบริเวณดังกล่าวมีความสะอาดมากขึ้น ระบบนิเวศทางทะเลมีความสมบูรณ์ และหลากหลายมากขึ้น หลังจากก่อนหน้านี้ ทะเลไทยเคยมีการทำประมงผิดกฎหมาย และปัญหาขยะ ทำให้ฟองน้ำแก้วไวน์และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ล้มหายตายจาก หรือลดจำนวนลง จนพบเห็นได้ยากขึ้น
- “ฟองน้ำแก้วไวน์” สิ่งมีชีวิตโบราณ ตัวชี้วัดความสมบูรณ์ทางทะเล
ฟองน้ำแก้วไวน์ คือ สิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลที่เชื่อว่ามีชีวิตมาอย่างยาวนานตั้งแต่ 890 ล้านปีที่แล้ว มีถิ่นกำเนิดทางตะวันตกของจีนตอนใต้ และทะเลหมู่เกาะตะวันออกแถบประเทศเนเธอร์แลนด์ พวกมันรอดพ้นการสูญพันธุ์มาแล้วหลายครั้ง แต่ปัจจุบันต้องเผชิญกับภัยคุกคามอย่างหนักจาก “การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” หรือ Climate Change และการทำประมงผิดกฎหมาย
ทำให้ในหลายสิบปี ที่ผ่านมา “ฟองน้ำแก้วไวน์” กลายเป็นสิ่งมีชีวิตหายาก ที่แทบไม่มีใครพบเห็น จึงมีการสันนิษฐานว่าพวกมันอาจจะสูญพันธุ์ภายในช่วงศตวรรษที่ 19-20
แม้ว่าจะหายไปจากท้องทะเลนานหลายปี แต่ในช่วงปี 2011 มีการค้นพบ “ฟองน้ำแก้วไวน์” ที่ยังมีชีวิตบริเวณชายฝั่งสิงคโปร์ 2 ตัว ทำให้หลายคนมีความหวังว่าอาจจะมีพวกมันอาจจะยังมีชีวิตหลงเหลืออยู่ จนล่าสุดในปี 2023 มีการค้นพบบริเวณทะเลพัทยา
โดย ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดี คณะประมง ม.เกษตรฯ อธิบายผ่านว่าเฟซบุ๊กส่วนตัว (Thon Thamrongnawasawat) ว่า บริเวณที่จะพบเห็น “ฟองน้ำแก้วไวน์” ในทะเลไทยก็คือ พื้นทะเลที่เป็นทราย มีความลึก 10 เมตรลงไป โดยจะกระจายอยู่เป็นจุดๆ ไม่สามารถพบเห็นได้ทั่วไป เพราะจะขึ้นในพื้นที่ ที่มีความเหมาะสมเท่านั้น เช่น ไม่ได้รับผลกระทบจากการทำประมง หรือไม่ได้รับการรบกวนจากมนุษย์ ทำให้ตอนนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถทำการสำรวจอย่างจริงจังได้เพราะกลัวว่าจะไปรบกวนพวกมันมากเกินไป
สิ่งสำคัญที่ได้จากการค้นพบฟองน้ำแก้วไวน์ในครั้งนี้คือ เป็นเครื่องยืนยันได้ว่าทะเลไทยมีความอุดมสมบูรณ์มากขึ้น โดยเฉพาะความหลากหลายทางระบบนิเวศ แสดงให้เห็นว่าไทยมีการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมทางทะเลและการทำประมงที่ดีขึ้น (ในอดีตพวกมันอาจถูกทำลายจากอวนลาก)
นอกจากนี้ ฟองน้ำแก้วไวน์ เป็นสิ่งมีชีวิตที่บอบบางมาก หากถูกสัมผัสเพียงเล็กน้อยก็อาจเสียหายได้ หรือมีฝุ่นฟุ้งกระจายใกล้เคียงกับที่พวกมันอยู่ ก็ส่งผลกระทบต่อการกรองน้ำของพวกมันเช่นกัน เนื่องจากพวกมันหากินด้วยการกรองน้ำ เพื่อรีไซเคิลสารอาหารที่จำเป็นมาเลี้ยงชีพ หากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี และไม่ถูกรบกวนก็จะมีอายุได้มากกว่า 10 ปี และมีขนาดกว้างกว่า 1 เมตร
ด้วยความที่มีขนาดใหญ่ และเรียกได้ว่าเป็นของหายาก ทำให้ในยุคอดีต “ฟองน้ำแก้วไวน์” กลายเป็นของสะสมไปจนถึงอ่างอาบน้ำสำหรับเด็กในหมู่คนมีเงิน
- เมื่อสิ่งมีชีวิตกลายเป็นของสะสมและอ่างอาบน้ำ
ด้วยความที่ “ฟองน้ำแก้วไวน์” มีลักษณะคล้ายแก้วไวน์ขนาดใหญ่ ทำให้พวกมันถูกเก็บมาเป็นของสะสม ด้วยความที่มีรูปร่างแปลกตา และเป็นของหายาก รวมถึงได้รับความนิยมนำมาเป็นอ่างอาบน้ำสำหรับเด็กที่ถือว่าเป็นความแปลกใหม่ในสมัยก่อน (ประมาณปี 1822) โดยเคยมีบันทึกไว้ว่าพวกมันมีความกว้างถึง 1.5 เมตร และส่วนหนึ่งที่ทำให้พวกมันถูกจับมาทำเป็นของใช้ก็เพราะผู้คนในอดีตไม่เคยรู้มาก่อนว่าฟองน้ำเหล่านี้เป็นสิ่งมีชีวิต ส่วนใหญ่จึงพบเห็นพวกมันได้ตามพิพิธภัณฑ์ของสะสม-ของเก่า หรืออาจพบได้ตามคอลเลกชันของสะสมในหมู่คนมีเงินที่ชื่นชอบของแปลก
สำหรับสาเหตุที่ทำให้หลายคนเชื่อว่าพวกมันอาจจะสูญพันธุ์ไปแล้ว เนื่องจากในปี 1908 มีการค้นพบฟองน้ำแก้วไวน์ในน่านน้ำอินโดนีเซีย แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีใครพบเห็นมันอีกเลย ก่อนจะมาพบฟองน้ำแก้วไวน์ที่ตายแล้วบริเวณทางตอนเหนือของออสเตรเลียในช่วงทศวรรษ 1990 ทำให้เกิดความหวังว่าพวกมันอาจจะยังไม่หายไปไหน จนในที่สุดในปี 2011 และปี 2023 นี้ “ฟองน้ำแก้วไวน์” ก็กลับมาปรากฏตัวให้เห็นอีกครั้ง
แม้ว่าปัจจุบันระบบนิเวศทางทะเลของไทยอาจจะดีขึ้นจนสามารถพบเห็นฟองน้ำแก้วไวน์ได้อีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราควรให้ความสนใจในเรื่องสิ่งแวดล้อมน้อยลง เพราะหากทะเลไทย และทะเลทั่วโลกยังคงถูกทำลายทั้งจากภัยธรรมชาติ และฝีมือมนุษย์ต่อไป “ฟองน้ำแก้วไวน์” อาจจะกลายเป็นสิ่งที่หายสาบสูญไปตลอดกาล
อ้างอิงข้อมูล : Naturalis, Museum of Zoology และ Mongabay
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์