'พีระพันธุ์' จ่อชง ครม. เปิดทางเอกชนซื้อ-ขายไฟสะอาดเสรี
"พีระพันธุ์" รมว.พลังงาน รับลูกนายกฯ จ่อชง "ครม." อนุมัติมาตรการ direct PPA เปิดทางเอกชน ได้ซื้อ-ขายไฟสะอาดระหว่างกันได้เสรี
KEY
POINTS
- "เศรษฐา ทวีสิน" นายกรัฐมนตรี ขอความชัดเจนของด้านพลังงานทดแทนถึงมาตรการ “direct PPA” ก่อนสิ้นปีนี้
- "พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค" เตรียมเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เกี่ยวกับนโยบาย direct PPA ในช่วง 1-2 สัปดาห์นี้
- "พลังงาน" ระบุ นโยบายภาครัฐเอื้อเอกชนซื้อขายไฟสะอาดกันเอง ป่วนระบบการไฟฟ้า แนะทำในพื้นที่จำกัด
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า จากกรณีที่นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นอกสถานที่อย่างเป็นทางการ จ.พะเยา เมื่อวันที่ 19 มี.ค. 2567 ที่ผ่านมา โดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการในที่ประชุม ครม.ว่าตามที่รัฐมนตรีการค้า สหรัฐอเมริการ (Ms. Gina M Raimondo) นำคณะนักธุรกิจที่ปรึกษาการส่งออกของประธานาธิบดี มาเยี่ยม หารือรัฐบาลเพื่อความร่วมมือโดยเฉพาะการลงทุน ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาของประเทศไทย
ซึ่งหนึ่งในประเด็นสำคัญที่ได้มีการหารือกันนั้นคือต้องการความชัดเจนของด้านพลังงานทดแทนถึงมาตรการ “direct PPA” ซึ่งประเด็นนี้เป็นประเด็นที่นายกฯ รับปากว่าจะมีมาตรการชัดเจนก่อนสิ้นปีนี้
ดังนั้น จึงขอสั่งการให้นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เร่งจัดทำมาตรการเพื่ออนุญาตและส่งเสริมให้เอกชนสามารถทำสัญญาซื้อขายไฟกันโดยตรงกับผู้ผลิตพลังงานสะอาด/พลังงานทดแทน (direct PPA) และเสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) โดยเร็ว
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ขณะนี้ นายพีระพันธุ์ ได้จัดทำมาตรการ direct PPA แล้วเสร็จแล้ว โดยคาดว่าจะนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เกี่ยวกับนโยบาย direct PPA ดังกล่าวในช่วง 1-2 สัปดาห์นี้ แม้ส่วนตัวจะไม่เห็นรายละเอียดที่ชัดเจน แต่หากให้มีการซื้อขายเสรีจริง จะสร้างความวุ่นวายให้กับระบบอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ เนื่องจากจะไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ต่างจากปัจจุบันที่มี 3 การไฟฟ้า คือ ประกอบด้วย การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.), การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) บริหารจัดการ ซึ่งหากเปิดให้ใครก็ไม่รู้เข้ามาใช้ระบบสายส่งของทั้ง 3 การไฟฟ้ารูปแบบเติร์ดปาร์ตี้แอสเสท ระหว่างเอกชนได้สามารถซื้อขายไฟสะอาดกันเองระบบจะมีปัญหาแน่นอน
อย่างไรก็ตาม หากมาตรการ direct PPA ที่จะทำแล้วไม่ให้กระทบระบบสายส่งและกระทบกฟผ. มากนัก ก็อาจจะเป็นการทำด้วยวิธีกำหนดเป็นพื้นที่เฉพาะ เช่น ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) อีกทั้ง ก็ควรกำหนดจำนวนเมกะวัตต์ด้วย เป็นต้น ซึ่งปัจจุบัน ทั้งภาครัฐและเอกชนก็ได้มีการทดลองให้มีการซื้อขายไฟกันเองรูปแบบ ERC Sandbox อยู่แล้ว
อีกทั้ง ปัจจุบัน กฟผ. ในฐานะผู้จัดหาไฟฟ้าก็อยู่ระหว่างเร่งดำเนินติดตั้งโซลาร์เซลล์ลอยน้ำตามเขื่อนต่าง ๆ กว่า 2,000 เมกะวัตต์ และพัฒนานวัตกรรมพลังงานสะอาดในด้านอื่น ๆ เพื่อมาเสริมในจุดนี้ รวมถึงสำนักงานคณะกรรมการ กำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ก็ได้เปิดรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนไปแล้วกว่า 5,000 เมกะวัตต์ ซึ่งได้เริ่มสงนามซื้อขายไฟสะอาดเข้าระบบไปบ้างแล้ว และอยู่ระหว่างเปิดขั้นตอนการเปิดรับซื้ออีก 3,000 เมกะวัตต์
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ สำนักงานคณะกรรมการ กำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) เปิดรับสมัครผู้สนใจเข้าร่วมโครงการทดสอบนวัตกรรมที่นำเทคโนโลยี มาสนับสนุนการให้บริการด้านพลังงาน (ERC Sandbox) เฟส 1 ตั้งแต่ปี 2562 และได้พัฒนามาเป็น ERC Sandbox เฟส 2 เมื่อวันที่ 26 พ.ค. 2565 ที่ผ่านมา โดยเน้นเรื่องการพัฒนานวัตกรรมในธุรกิจพลังงานสะอาดเป็นหลัก เพื่อเตรียมวางโครงสร้างพื้นฐาน เครื่องมือ
และเป็นแนวทางการกำกับดูแลในการขับเคลื่อนเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทย โดยคำนึงถึงการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบกิจการพลังงาน ตลอดจนผู้ใช้ไฟฟ้าภาคอุตสาหกรรมการค้า และการลงทุนในระดับสากล ในยุคการเปลี่ยนผ่านพลังงานสู่พลังงานคาร์บอนต่ำ (Energy Transition) และลดภาวะโลกร้อน ให้ได้ผลอย่างยั่งยืน
อย่างไรก็ตาม หากมีการใช้งานในท้องตลาดแล้ว ก็จะต้องมีความแตกต่างจากรูปแบบที่เป็นอยู่ ทั้งหมดจะต้องมุ่งเป้าหมายเพื่อเพิ่มทางเลือกให้ผู้ใช้พลังงาน เพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการให้บริการทางพลังงาน รองรับธุรกิจพลังงานรูปแบบใหม่ๆ สอดคล้องกับการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ซึ่งจะนำไปสู่การกำหนดแนวทางพัฒนาการกำกับดูแลนวัตกรรมพลังงานสะอาด และสอดรับกับหลักเกณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม