'TOA' ตั้งเป้า Net Zero 2050 ชู 'นวัตกรรมสี' สะท้อนร้อน
TOA มุ่งสู่ความยั่งยืนในด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมในทุกมิติ ขับเคลื่อนองค์กรสู่เป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050 พัฒนาผลิตภัณฑ์ ฉลากลดคาร์บอนฟุตพริ้นต์ ลดโลกร้อน
KEY
POINTS
- การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส่งผลให้โลกร้อนขึ้น หลายอุตสาหกรรมปรับเปลี่ยนวิธีการดำเนินธุรกิจ และพัฒนานวัตกรรมเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รวมไปถึง อุตสาหกรรมก่อสร้าง
- TOA มุ่งสู่ความยั่งยืนในด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมในทุกมิติ ขับเคลื่อนองค์กรสู่เป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050
- พร้อม พัฒนาผลิตภัณฑ์ ฉลากลดคาร์บอนฟุตพริ้นต์ ลดโลกร้อน รับรองโดย อบก. ในกลุ่มสีทาอาคารกว่า 40 ผลิตภัณฑ์
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส่งผลให้โลกร้อนขึ้น หลายอุตสาหกรรมปรับเปลี่ยนวิธีการดำเนินธุรกิจ และพัฒนานวัตกรรมเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รวมไปถึง อุตสาหกรรมก่อสร้างที่ทั้งผู้ให้บริการและลูกค้า ต่างให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม มีวิธีการก่อสร้างและเทคโนโลยีใหม่ๆ ทำให้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์การอยู่อาศัยมากขึ้น
บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TOA ให้ความสำคัญในการพัฒนาให้เกิดความยั่งยืนในด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมในทุกมิติ สร้างชุมชนให้ปลอดภัย น่าอยู่ และมีความสุข โดยตั้งเป้าหมายที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมภายในบริษัท แบ่งเป็น 3 ระดับ ได้แก่ ระดับแรก ตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 20 % ภายในปี 2025 และตั้งเป้าหมาย 50 % ภายในปี 2030 เพื่อเดินหน้าขับเคลื่อนองค์กรสู่เป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050
มุ่งเน้นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในการดำเนินการภายในองค์กรให้เป็นศูนย์ และกิจกรรมที่จะช่วยดูดกลับก๊าซเรือนกระจก อาทิ มาตรการลดใช้พลังงานไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็น โครงการติดตั้ง Solar roof โครงการปรับปรุงระบบลมอัดในโรงงาน โครงการลด Harmonic distortion อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น
รวมถึง มาตรการลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลในโรงงาน เช่น โครงการลดการใช้เชื้อเพิลงดีเซลในระบบขนส่งภายในโรงงาน, โครงการปรับปรุงกระบวนการผลิตเพื่อลดการใช้น้ำมันเตาในโรงงาน เป็นต้น และ มาตรการเปลี่ยนชนิดของน้ำยาทำความเย็นในระบบปรับอากาศและลดปริมาณการใช้ การปรับปรุง และ/หรือ ปรับเปลี่ยนเครื่องจักรในกระบวนการผลิต โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตและลดการใช้ทรัพยากร เพื่อดูดกลับก๊าซเรือนกระจก หรือการเพิ่มคาร์บอนเครดิต (Carbon credits)
จตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า TOA อยู่ในอุตสาหกรรมเคมีซึ่งเป็นอุตสาหกรรมค่อนข้างใหญ่ ข้อดี คือ ซัพพลายเออร์บริษัทต่างชาติมีการปรับตัวในเรื่องนี้มาพอสมควร ณ วันนี้ Scope 1-2 ที่ทำ คือ การจัดการของเสียทั้งหลายที่เกิดในกระบวนการผลิต การนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้ เปลี่ยนสารทำความเย็นที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การปลูกป่า รวมถึง มองถึงความสำคัญใน “การขนส่ง” ซึ่งปีนี้จะเริ่มมีการใช้รถไฟฟ้าในพื้นที่ กทม. ก่อนในระยะแรก และขยายออกสู่เส้นทางต่างจังหวัดเมื่อสถานีชาร์จครอบคลุมเพิ่มมากขึ้น
ขณะเดียวกันทั่วโลกที่เข้าสู่ภาวะโลกเดือด หรือ Global Boiling จนทำให้ปีนี้อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกร้อนขึ้นเกือบ 1.5 องศาเซลเซียส โดยเฉพาะในช่วงเวลากลางวันที่อุณหภูมิพุ่งทะลุกว่า 40 องศาเซลเซียส ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศสิ่งแวดล้อม เกิดภัยแล้ง พายุ น้ำท่วม ตลอดจนส่งผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน
ที่ผ่านมาได้มีการพัฒนาสีซุปเปอร์ชิลด์ ที่มีความทน สะท้อนร้อน และมีมานานกว่า 45 ปี ตั้งแต่เมื่อปี 2522 ด้วยเทคโนโลยีสีเย็น Cooling Paint ที่ผ่านการการรับรองจากสถาบันวิจัย OTM ประเทศสิงคโปร์ ว่าสามารถสะท้อนแสงอาทิตย์ได้อย่างดีเยี่ยม (Solar Reflectance) สูงถึง 97.5%
และร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ทำการทดสอบประสิทธิภาพในการคายความร้อนออกจากผนังบ้าน (Thermal Emittance) ได้สูงถึง 90% ตามมาตรฐาน ASTM C1371 และยังสามารถช่วยลดอุณหภูมิภายในบ้านให้เย็นลง (Cool Down Temperature) ได้ถึง 5.5 องศาเซลเซียส ด้วยโปรแกรมการทดสอบ Energy Plus
ฉลากลดคาร์บอนฟุตพริ้นต์
ปีนี้ TOA ยังได้รับ ฉลากลดคาร์บอนฟุตพริ้นต์ หรือ ฉลากลดโลกร้อน (CFR) รับรองโดย องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) (อบก.) ในกลุ่มสีทาอาคารกว่า 40 ผลิตภัณฑ์ โดยเป็นการประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์ตั้งแต่การได้มาซึ่งวัตถุดิบ การขนส่ง กระบวนการผลิต การใช้งาน และการจัดการซากผลิตภัณฑ์หลังใช้
โดยมีรูปแบบการประเมินโดยการเปรียบเทียบคาร์บอนฟุตพริ้นต์ของผลิตภัณฑ์ในปีปัจจุบันกับปีฐาน (Base Year) แล้วพบว่าค่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของผลิตภัณฑ์ลดลงไม่น้อยกว่า 2 % และนำผลการเปรียบเทียบพิจารณาตามเกณฑ์การประเมิน เพื่อขึ้นทะเบียนเครื่องหมายลดคาร์บอนฟุตพริ้นต์ของผลิตภัณฑ์
ปี 2023 ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินการตามกลยุทธ์ 7-Green สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากกว่า 31,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (TonCO2e) เทียบเท่ากับการปลูกต้นสักมากกว่า 1,800,000 ต้น ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สาเหตุที่ทำให้เกิดวิกฤติโลกร้อน ทั้งยังช่วยลดผลกระทบทางลบการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระยะยาว