'GULF – AIS' ร่วมพัฒนาพื้นที่ห่างไกล มอบ 'แสงสว่าง' เชื่อมเครือข่ายคนไทย

ปัจจุบัน ประเทศไทยมีชุมชนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลมากกว่า 20 ล้านไร่ กระจายอยู่กว่า 20 จังหวัด รวมประชากรซึ่งเป็นชนเผ่ากว่า 7 แสนคน การอยู่ในพื้นที่สูง ห่างไกล ทำให้การพัฒนาจากภาครัฐเป็นเรื่องยาก ส่งผลให้การเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกไม่ว่าจะเป็นไฟฟ้า การแพทย์ การศึกษา และการประกอบอาชีพมีข้อจำกัด

 

ในปี 2566 ที่ผ่านมา เกิดเป็นโครงการนำร่อง โดย บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF และ GULF1 บริษัทในเครือ ติดตั้งชุดอุปกรณ์ระบบโซลาร์เซลล์ในพื้นที่ทุรกันดาร 3 พื้นที่ ได้แก่ บ้านห้วยน้ำไซ อ.นครไทย จ.พิษณุโลก เกาะทุ่งนางดำ อ.คุระบุรี จ.พังงา และบ้านดอกไม้สด อ.ท่าสองยาง จ.ตาก รวมถึงมีทีมวิศวกรจาก GULF1 ให้ความรู้ด้านการบำรุงรักษาและวิธีการใช้งานชุดอุปกรณ์โซลาร์เซลล์แก่ชุมชน เพื่อให้สามารถใช้งานระบบโซลาร์ได้อย่างยั่งยืน

 

ล่าสุด ต่อยอดสู่ โครงการ Green Energy Green Network for THAIs พลังงานสะอาดเชื่อมเครือข่ายเพื่อคนไทย โดยจับมือกับ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS พร้อมด้วย สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) หรือ สวพส. เดินหน้ายกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยในพื้นที่ห่างไกล ให้เข้าถึงบริการโครงสร้างขั้นพื้นฐาน ร่วมส่งมอบพลังงานไฟฟ้าจากแผงโซลาร์เซลล์ ที่ผลิตโดยพลังงานสะอาดจากแสงอาทิตย์

 

 

ติดตั้งสถานีฐานโดยใช้แหล่งพลังงานจากแสงอาทิตย์เชื่อมต่อระบบเครือข่ายสัญญาณดิจิทัลสำหรับชุมชน มุ่งลดความเหลื่อมล้ำ สร้างโอกาสทางการศึกษา การพัฒนาอาชีพ และการเข้าถึงบริการด้านสาธารณสุข สะท้อนถึงเจตนารมณ์ของ GULF ในการขับเคลื่อนให้สังคมมุ่งสู่อนาคตคาร์บอนต่ำผ่านการใช้พลังงานสะอาด ตั้งเป้า 30 ชุมชน ภายใน 5 ปี

 

ยกระดับคุณภาพชีวิตพื้นที่สูง

“ธีรตีพิศา เตวิชพศุตม์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านปฏิบัติการ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า GULF ในฐานะองค์กรชั้นนำด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานยั่งยืนในระดับภูมิภาค มีการทำโครงการด้านสังคมมากว่า 60 โครงการ ใน 3,000 หมู่บ้าน 40 จังหวัด ล่าสุด ในปีที่ผ่านมา GULF ได้ทำโครงการ “GULF Sparks, Life Starts”นำร่องลงพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก พังงา และตาก ซึ่งเป็นชุมชนที่อยู่ห่างไกล ทุรกันดาร เข้าถึงยาก ขาดแคลนไฟฟ้า

 

“นำมาสู่การติดตั้งโซลาร์เซลล์เพื่อสร้างไฟฟ้าเสถียร ยกระดับการศึกษา เพื่อให้เด็กๆ เข้าถึงการเรียนระบบทางไกล การเข้าถึงระบบสาธารณสุข ซึ่งในบางชุมชนมีปัญหาโรคหอบหืด การไปพบแพทย์ต้องใช้เวลานานกว่า 2-3 ชั่วโมง เมื่อมีไฟฟ้าเสถียร ชุมชนสามารถเก็บรักษายา และใช้เครื่องพ่นยาได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึง การเก็บอาหารเพื่อการบริโภค ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตคนในชุมชนได้ด้วยพลังงานสะอาด พร้อมตั้งเป้าขยายไปยังชุมชนอื่นๆ เพื่อให้เกิดความยั่งยืนต่อไป”

 

 

อีกทั้ง GULF ได้ร่วมมือกับผู้นำชุมชนดอยมอโก้โพคี จ.ตาก สานต่องานรักษาผืนป่าและพัฒนาอาชีพในการปลูกกาแฟให้กับคนในชุมชน โดยการสร้างโรงเรือนสำหรับการแปรรูปเมล็ดกาแฟและติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ เพื่อให้กระบวนการล้างทำความสะอาด คัดแยก และสีกาแฟมีคุณภาพมากยิ่งขึ้นโดยการใช้พลังงานสะอาด พร้อมพาชาวบ้านไปเรียนรู้ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพสอดคล้องกับความต้องการของตลาด ที่ จ.เชียงราย ส่งผลให้ชาวบ้านมีความเชื่อมั่นในการปลูกกาแฟมากขึ้น เพิ่มโอกาสที่จะสร้างรายได้แก่ชุมชน สร้างอาชีพ สร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ

 

ต่อจิ๊กซอว์ เชื่อมการสื่อสาร

นอกจากนี้ อีกหนึ่งจิ๊กซอว์สำคัญ คือ การเพิ่มศักยภาพในด้านการติดต่อสื่อสาร นำมาซึ่งการจับมือกับพันธมิตรอย่าง AIS เพื่อช่วยเหลือชุมชน ให้ได้รับโอกาสเข้าถึงสาธารณูปโภคอย่างสมบูรณ์แบบ

“สมชัย เลิศสุทธิวงค์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AIS เผยว่า การทำงานร่วมกับ GULF และ สวพส. ในครั้งนี้ ถือเป็นการตอกย้ำแนวทางการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของ AIS ในทุกด้าน ทั้งการพัฒนาโครงข่ายดิจิทัลขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชน เราทลายข้อจำกัดในการขยายโครงข่ายให้ครอบคลุมการใช้งาน เพื่อสร้างการเข้าถึงดิจิทัลให้คนไทยทุกกลุ่ม โดยใช้เทคโนโลยีและแหล่งพลังงานทดแทนจากแสงอาทิตย์ หรือโซลาร์เซลล์มาใช้ในการบริหารจัดการระบบสื่อสารเพื่อส่งมอบโครงข่ายดิจิทัลไปยังชุมชนในพื้นที่เป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

ทำให้ประชาชนในพื้นที่ห่างไกลสามารถติดต่อสื่อสารได้อย่างสะดวกสบาย เข้าถึงแหล่งความรู้และบริการต่างๆ ที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา และสาธารณสุข รวมถึงสวัสดิการของภาครัฐ ด้วยโครงข่ายดิจิทัลจากโครงการนี้ โดย AIS และพาร์ตเนอร์จะมีการทำงานและติดตามความเปลี่ยนแปลงในแต่ละชุมชนอย่างต่อเนื่องผ่านการทำ Social Impact Assessment หรือประเมินผลลัพธ์ทางสังคมต่อประโยชน์ของโครงการนี้ ที่ช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมในมิติต่างๆ เพื่อให้มั่นใจว่าชุมชนจะได้รับการพัฒนาที่มีประสิทธิภาพสอดคล้องกับบริบทและภูมิปัญญาของชุมชนนั้นๆ อย่างแท้จริง

 

 

เพิ่มการเข้าถึงบริการขั้นพื้นฐาน

“ชวลิต ชูขจร” ประธานกรรมการ สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) เผยว่า ภารกิจของ สวพส. คือ การดูแลพื้นที่ความสูง 500 เมตร จากระดับน้ำทะเล ซึ่งในประเทศไทยมีมากกว่า 20 ล้านไร่ ตั้งกระจายอยู่กว่า 20 จังหวัด ขยายผลจากโครงการหลวง ถ่ายทอดความรู้ไปสู่เกษตรกร เป้าหมายหลักๆ คือ ชนเผ่าที่มีมากกว่า 7 แสนคน ใน 44 พื้นที่ 616 หมู่บ้าน ช่วยเหลือชาวบ้านที่อยู่ในเขตห่างไกล ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี

 

โครงการ Green Energy Green Network for THAIs ที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือของ GULF และ AIS ในครั้งนี้ นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ประชาชนบนพื้นที่สูงสามารถเข้าถึงบริการขั้นพื้นฐาน ทั้งไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และการสื่อสาร รวมไปถึงสามารถต่อยอดการทำงานร่วมกับภาคส่วนอื่นๆ ทั้งบริการด้านสาธารณสุข การศึกษา การพัฒนาทักษะด้านอาชีพ หรือแม้กระทั่งการตลาด เพื่อให้พวกเขามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สร้างประโยชน์ทั้งชุมชน เศรษฐกิจ และยังเป็นการดูแลรักษาฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืนด้วย

 

 

“แสงสว่าง” จุดประกาย พัฒนาอาชีพ

สำหรับ ชุมชนบ้านมอโก้โพคี เป็นหนึ่งในชุมชนที่ GULF และ AIS เข้าไปทำโครงการ ตั้งอยู่พื้นที่ดอยสูงอยู่ห่างจากตัว อ.ท่าสองยาง ราว 50 กิโลเมตร มีทั้งหมด 3 หมู่บ้าน 8 หย่อมบ้าน ประชากรราว 1,700 คน ในฤดูฝนเดินทางยากลำบาก ส่วนในฤดูแล้งจะมีฝุ่นหนา ภายในหมู่บ้านไม่มีไฟฟ้า และการบริโภคน้ำดื่มจะเป็นการใช้ประปาภูเขา ไม่มีระบบกรองที่ถูกสุขอนามัย

 

หากเจ็บไข้ได้ป่วยหนักจะต้องเดินทางไปโรงพยาบาลท่าสองยาง ส่วนระบบสาธารณูปโภคอื่นๆ อาทิ การใช้น้ำดื่ม ใช้ประปาภูเขา ไม่มีระบบกรอง ใช้น้ำกิน ดื่ม อาบ ในถังเดียว ช่วงฤดูฝน น้ำจะขุ่น การติดต่อสื่อสารในหมู่บ้านไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ถ้าต้องการติดต่อสื่อสาร จะต้องขี่มอเตอร์ไซค์ไปหาสัญญาณห่างจากหมู่บ้าน ประมาณ 3 กิโลเมตร

 

ผู้ใหญ่บ้านชาญชัย ทรัพย์ประมาณ ชุมชนมอโก้โพคี อ.ท่าสองยาง จ.ตาก เผยว่า ก่อนที่ GULF จะเข้ามา คนในชุมชนใช้ชีวิตลำบาก ขาดแคลนไฟฟ้าไม่ว่าจะเป็นการแช่ยา การพิมพ์เอกสาร ต้องฝากลงไปตัวเมือง และเนื่องจากคนในชุมชนมีอาชีพปลูกกาแฟ ต้องใช้เครื่องปั่นไฟเพื่อสีกาแฟ บดกาแฟ หากคนที่ไม่ชำนาญจะเกิดอันตรายได้

 

ที่ผ่านมา GULF ได้เดินทางมาสำรวจ ติดตั้งโซลาร์เซลล์ ให้สามารถใช้ไฟในสถานีอนามัย โรงเรียน ไฟส่องสว่าง พร้อมติดเครื่องกรองน้ำให้ทางโรงเรียนเพื่อให้เด็กนักเรียนได้ดื่มน้ำที่สะอาด อีกทั้ง ช่วยเหลือในด้านผลผลิตกาแฟ พัฒนา และหาช่องทางทำตลาด ต่อยอดให้สู่การศึกษาดูงาน เพื่อให้สามารถทำกาแฟที่มีคุณภาพมากขึ้น

 

“พอมีไฟฟ้าใช้ คุณภาพชีวิตคนในชุมชนดีขึ้น จากที่มองไม่เห็นในที่มืด ก็ได้มีแสงสว่าง ต้องขอบคุณ GULF ที่ให้ความสำคัญกับชุมชน และอยากให้ช่วยสังคมต่อไปอย่างยาวนาน” ผู้ใหญ่บ้านชาญชัย กล่าวทิ้งท้าย