อีลอน มัสก์ หนุนภาษีคาร์บอน ชี้ชัด! ภาษีบุหรี่และแอลกอฮอล์ยังเก็บกันได้

อีลอน มัสก์ หนุนภาษีคาร์บอน ชี้ชัด! ภาษีบุหรี่และแอลกอฮอล์ยังเก็บกันได้

อีลอน มัสก์ หนุนภาษีคาร์บอน โดยเชื่อว่าภาษีคาร์บอนเป็นเรื่องสามัญสำนึก และเปรียบเทียบภาษีนี้กับภาษีแอลกอฮอล์และบุหรี่ ว่าคาร์บอนซึ่งเป็นต้นเหตุของโลกร้อน เป็นผลเสีย ก็น่าจะถูกเก็บภาษีได้เหมือนกัน

KEY

POINTS

  • “อีลอน มัสก์” หนุนภาษีคาร์บอน เพื่อสร้างแรงจูงใจในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
  • ภาษีคาร์บอนเป็นเรื่องสามัญสำนึก “มัสก์” เปรียบเทียบภาษีนี้กับภาษีแอลกอฮอล์และบุหรี่ ว่าคาร์บอนซึ่งเป็นต้นเหตุของโลกร้อน เป็นผลเสีย ก็น่าจะถูกเก็บภาษีได้เหมือนกัน
  • ผลสำรวจมหาวิทยาลัยเยล ระบุว่า 68% ของผู้ตอบแบบสอบถามสนับสนุนแนวคิดเดียวกับ “มัสก์”
  • ปี 2024 มีประเทศมากกว่า 30 ประเทศที่จัดเก็บภาษีคาร์บอน
  • ในประเทศไทย รัฐบาลประกาศจัดเก็บภาษีคาร์บอนตั้งแต่ปี 2025 เป็นต้นไป โดยภาษีคาร์บอนจะจัดเก็บที่ 200 บาทต่อคาร์บอนไดออกไซด์ 1 เมตริกตั
  • ไทยจะกลายเป็นประเทศที่ 2 ในอาเซียนต่อจากสิงคโปร์ที่เก็บภาษีคาร์บอน

“อีลอน มัสก์” ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Tesla และ SpaceX ได้แสดงการสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อแนวคิดการเก็บภาษีคาร์บอน ซึ่งเขาเชื่อว่า เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ในฟอรัมสาธารณะต่าง ๆ รวมถึงการประชุมผู้ถือหุ้นของ Tesla เมื่อปี 2021 “มัสก์” ได้กล่าวไว้ว่า ภาคธุรกิจจำเป็นต้องมีภาษีคาร์บอนจริงจัง เพราะการเก็บภาษีคาร์บอนเป็นแรงจูงใจทางการเงินที่จะทำให้ภาคธุรกิจ ซึ่งเป็นผู้ปล่อยมลพิษกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดหันมาช่วยกันลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และเร่งนำแหล่งพลังงานหมุนเวียนมาใช้

แนวคิดของ “มัสก์” มีรากฐานมาจากความเชื่อที่ว่า การเก็บภาษีคาร์บอนจะทำให้เชื้อเพลิงฟอสซิลมีราคาแพงขึ้น ส่งผลให้ยานยนต์ไฟฟ้าและโซลูชันพลังงานหมุนเวียนน่าสนใจมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการบรรลุเศรษฐกิจพลังงานที่ยั่งยืน

ซึ่ง “มัสก์” มองว่า การใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ ลม รวมถึงการขับเคลื่อนด้วยยานยนต์ไฟฟ้า จะช่วยให้โลกสามารถเปลี่ยนแปลงไปสู่พลังงานที่ยั่งยืนได้เร็วขึ้น และลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่กำลังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน

ภาษีคาร์บอนเป็นเรื่อง "สามัญสำนึก"

“มัสก์” มองว่าภาษีคาร์บอนเป็นเรื่อง "สามัญสำนึก" และได้เปรียบเทียบภาษีนี้กับภาษีแอลกอฮอล์และบุหรี่ที่เรียกเก็บอยู่ในปัจจุบัน ว่า เกือบทุกประเทศมีภาษีสำหรับบุหรี่และแอลกอฮอล์ เพราะคิดว่ามันมีแนวโน้มที่จะเป็นอันตรายมากกว่าประโยชน์ ในทางตรงข้ามเรามักจะเก็บภาษีผลไม้และผักน้อยกว่า ดังนั้น คาร์บอนซึ่งเป็นต้นเหตุของโลกร้อน เป็นผลเสีย ก็น่าจะถูกเก็บภาษีได้เหมือนกัน แล้วหันมาสนับสนุนแหล่งพลังงานที่เป็นประโยชน์

SpaceX ยังพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล

แม้จะมีประโยชน์ แต่การจัดเก็บภาษีคาร์บอนก็ต้องเผชิญกับความท้าทายทางการเมือง “มัสก์” ยอมรับว่าแม้ว่าการจัดเก็บภาษีคาร์บอนจะส่งผลดีต่อ Tesla เพราะเป็นการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า แต่ก็สร้างความท้าทายให้กับบริษัทอื่น ๆ ของเขา เช่น SpaceX ที่พึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลในการปล่อยจรวด

“SpaceX พึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลในการปล่อยจรวด ซึ่งปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ ผมยอมรับว่า SpaceX จะต้องเสียภาษีคาร์บอนเช่นกัน เช่นเดียวกับบริษัทอื่น ๆ ที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล”

เพื่อแก้ปัญหานี้ "มัสก์" ได้ลงทุนในเทคโนโลยีและโครงการต่างๆ เพื่อกำจัดคาร์บอน ตัวอย่างเช่น เขาให้ทุนสนับสนุนการแข่งขัน XPRIZE Carbon Removal มูลค่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งมุ่งหวังที่จะค้นหาวิธีการใหม่ ๆ เพื่อดักจับและกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์จากชั้นบรรยากาศ

นอกจากนี้ “มัสก์” ยังได้กล่าวถึงความสำคัญของการรีไซเคิลวัสดุจากแบตเตอรี่ที่ใช้แล้ว ว่า วัสดุจากแบตเตอรี่สามารถรีไซเคิลได้ แต่การเผาไหม้ก๊าซไม่สามารถทำได้ การรีไซเคิลจะเป็นส่วนสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและส่งเสริมการใช้พลังงานที่ยั่งยืน

แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเขาในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แม้จะตระหนักถึงข้อจำกัดในปัจจุบันของเทคโนโลยีจรวดก็ตาม

ผลสำรวจ มหาวิทยาลัยเยล

Yale Program on Climate Change Communication (YPCCC) เป็นศูนย์วิจัยภายใน Yale School of the Environment (YSE) ของมหาวิทยาลัยเยล ที่มุ่งเน้นการวิจัยทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับความรู้ ทัศนคติ ความชอบนโยบาย และพฤติกรรมของประชาชนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระดับโลก ระดับชาติ และระดับท้องถิ่น ได้ทำสำรวจเมื่อปี 2020 พบว่า 68% ของผู้ตอบแบบสอบถามสนับสนุนแนวคิดเดียวกับ “มัสก์”

ปี 2024 มีประเทศมากกว่า 30 ประเทศที่จัดเก็บภาษีคาร์บอน (ข้อมูลจาก Our World in Data) การเก็บภาษีแตกต่างกันมากในแง่ของอัตราและภาคส่วนที่ครอบคลุม เช่น อุรุกวัยมีอัตราภาษีคาร์บอนสูงสุดที่ 167 ดอลลาร์ต่อคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าหนึ่งเมตริกตัน ส่วนประเทศที่มีภาษีคาร์บอนสูง ได้แก่ ฟินแลนด์ สวีเดน และนอร์เวย์

การเก็บภาษีคาร์บอนในไทย

ในประเทศไทย แนวคิดเรื่องการจัดเก็บภาษีคาร์บอนกำลังได้รับความสนใจ เนื่องจากประเทศกำลังพยายามแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม การจัดเก็บภาษีดังกล่าวสอดคล้องกับเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยประเทศไทยจะเป็นประเทศอาเซียนประเทศที่ 2 ต่อจากสิงคโปร์ที่จัดเก็บภาษีคาร์บอน

รัฐบาลไทยได้ประกาศจัดเก็บภาษีคาร์บอนตั้งแต่ปี 2025 เป็นต้นไป โดยภาษีคาร์บอนจะจัดเก็บที่ 200 บาทต่อคาร์บอนไดออกไซด์ 1 เมตริกตัน และในช่วงเริ่มต้นจะเป็นภาษีสรรพสามิตน้ำมันเป็นหลัก และมีแผนจะขยายการจัดเก็บไปยังภาคส่วนอื่น ๆ เช่น พลังงาน การขนส่ง และอุตสาหกรรม มีเป้าหมายเพื่อช่วยให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายที่ทะเยอทะยานในการเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050 และไม่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2063

ประเด็นสำคัญของภาษีคาร์บอนของประเทศไทย

- อัตรา: 200 บาทต่อคาร์บอนไดออกไซด์ 1 เมตริกตัน
- ขอบเขต: จัดเก็บในเบื้องต้นสำหรับผลิตภัณฑ์น้ำมัน และจะขยายไปยังภาคส่วนอื่นๆ ในอนาคต
- การดำเนินการ: ยึดตามแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในระดับโลกและมาตรฐานสากล

กรมสรรพสามิต ภายใต้การนำของ ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต เน้นย้ำว่า การเก็บภาษีคาร์บอนจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน และส่งเสริมแนวทางปฏิบัติที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ รัฐบาลยังสนับสนุนการเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้า

ขณะที่ประเทศไทยกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงนี้ คาดว่าภาษีคาร์บอนจะมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศสู่อนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและยั่งยืนมากขึ้น