APEX บริษัทพลังงานหมุนเวียนสหรัฐ กุญแจหลักดัน EGCO Group สู่เป้า RE 30% ปี 2030

APEX บริษัทพลังงานหมุนเวียนสหรัฐ กุญแจหลักดัน EGCO Group สู่เป้า RE 30% ปี 2030

APEX บริษัทพลังงานหมุนเวียนในสหรัฐอเมริกา กุญแจสำคัญผลักดัน EGCO Group บรรลุเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาด RE เป็น 30% ในปี 2030

นางสาวจิราพร ศิริคำ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO Group กล่าวว่า การลงทุนของ EGCO Group ใน APEX เป็นการลงทุนใน Portfolio พลังงานหมุนเวียนขนาดใหญ่ในสหรัฐอเมริกา โดยธุรกิจของ APEX ครอบคลุมตั้งแต่การพัฒนา ก่อสร้าง เดินเครื่อง และจำหน่ายโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ทำให้รูปแบบการลงทุนนี้ ไม่ใช่แค่การลงทุนในโรงไฟฟ้าเหมือนที่ผ่านมา คือ เราไม่ได้ “ผลิตไฟฟ้าและขายไฟฟ้า” เท่านั้น

แต่ตอนนี้เรา “สร้างโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนและขายโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน” ด้วย ทั้งนี้ สะท้อนการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น หลัง EGCO Group เข้าลงทุนใน APEX หรือ บริษัท เอเพ็กซ์ คลีน เอ็นเนอร์ยี โฮลดิ้ง แอลแอลซี ผู้พัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียนขนาดใหญ่ในอเมริกา

APEX บริษัทพลังงานหมุนเวียนสหรัฐ กุญแจหลักดัน EGCO Group สู่เป้า RE 30% ปี 2030

ทั้งนี้ EGCO Group เข้าถือหุ้น 17.46% ใน APEX ตั้งแต่ปี 2564 เนื่องจากเห็นโอกาสการลงทุนในอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดไฟฟ้าและพลังงานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ด้วยจำนวนประชากรกว่า 300 ล้านคนและมูลค่าเศรษฐกิจ      ที่ใหญ่เป็นเบอร์ 1 ของโลก ตลอดจนนโยบายสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาดที่ชัดเจน สอดคล้องกับทิศทางการเติบโตของ EGCO Group ภายใต้แนวคิด “Cleaner, Smarter and Stronger to Drive Sustainable Growth” ที่มุ่งก้าวกระโดดไปพร้อมกับกระแสการเปลี่ยนผ่านทางพลังงาน

อย่างไรก็ตาม ณ เดือนมิถุนายน 2567 APEX มีโครงการพลังงานหมุนเวียนใน Pipeline รวม 211 โครงการ กำลังผลิตรวมกว่า 56,400 เมกะวัตต์ ทั้งโรงไฟฟ้าพลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ ไฮโดรเจน และระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ แบ่งเป็นโครงการที่จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบแล้ว 3 โครงการ กำลังผลิตประมาณ 300 เมกะวัตต์ โครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 7 โครงการ กำลังผลิตประมาณ 1,100 เมกะวัตต์ และโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา 201 โครงการ กำลังผลิตรวมกว่า 55,000 เมกะวัตต์ ซึ่งโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาเหล่านี้ ประกอบด้วยโรงไฟฟ้าพลังงานลม 51% พลังงานแสงอาทิตย์ 27% ไฮโดรเจน 15% และระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ 7%

APEX บริษัทพลังงานหมุนเวียนสหรัฐ กุญแจหลักดัน EGCO Group สู่เป้า RE 30% ปี 2030

สำหรับความโดดเด่นของ APEX อยู่ที่การเป็นผู้พัฒนาโครงการ (Developer) โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ที่มีโมเดลธุรกิจแบบไฮบริด คือการพัฒนาโครงการเพื่อเดินเครื่องเชิงพาณิชย์เองบางส่วน ควบคู่กับการขายโครงการที่พัฒนาสำเร็จแล้วออกไปบางส่วน โดยตั้งแต่ EGCO Group เริ่มลงทุนใน APEX จนถึงปัจจุบัน APEX มีโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและเดินเครื่องเชิงพาณิชย์เองประมาณ 300 เมกะวัตต์ และได้ขายโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนที่พัฒนาแล้วเสร็จออกไปบางส่วน จำนวน 5 โครงการ รวมกำลังผลิตประมาณ 600 เมกะวัตต์ เช่น

โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Mulligan และโรงไฟฟ้าพลังงานลม Great Pathfinder การดำเนินธุรกิจแบบไฮบริดนี้จึงช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับ   EGCO Group ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว อีกทั้งจะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยผลักดันให้ EGCO Group บรรลุเป้าหมาย การเพิ่มกำลังผลิตจากพลังงานหมุนเวียนเป็น 30% ภายในปี 2030

สำหรับเป้าหมายสำคัญของ APEX ในปี 2567 คือ การก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนให้แล้วเสร็จและ   จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบ จำนวน 7 โครงการ กำลังผลิตติดตั้งรวม 1,210 เมกะวัตต์ ซึ่งจะเติมกำลังผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้นเข้ามาใน Portfolio ของ EGCO Group ประมาณ 200 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นโครงการพลังงานลม 3 โครงการ กำลังผลิตติดตั้งรวม 615 เมกะวัตต์ โครงการพลังงานแสงอาทิตย์ 2 โครงการ กำลังผลิตติดตั้งรวม 395 เมกะวัตต์ และโครงการระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ 2 โครงการ กำลังผลิตติดตั้งรวม 200 เมกะวัตต์

ทั้งนี้ เมื่อโครงการเหล่านี้เสร็จสมบูรณ์ จะขายไฟฟ้าในตลาด Power pool หรือมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว (PPA) กับลูกค้าภาคธุรกิจที่ส่วนใหญ่เป็นองค์กรชั้นนำและมีอันดับเครดิตที่น่าเชื่อถือสูง โดยล่าสุดได้ก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Angelo กำลังผลิตติดตั้ง 195 เมกะวัตต์แล้วเสร็จ มี PPA กับ Meta เป็นระยะเวลา 15 ปี 

“จากโครงการใน Pipeline ของ APEX และความสำเร็จที่ผ่านมา EGCO Group จึงเชื่อมั่นว่า ความเชี่ยวชาญและความมุ่งมั่นของ APEX ประกอบกับโอกาสจำนวนมากในตลาดพลังงานของอเมริกา จะทำให้ APEX แสดงศักยภาพ          การเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง การลงทุนใน APEX จึงเปรียบเสมือนเรือธง (Flagship) ที่จะขยาย Portfolio พลังงานหมุนเวียนของ EGCO Group ให้เติบโตจาก 21% ของกำลังผลิตทั้งหมดในปัจจุบัน เป็น 30% ภายในปี 2030 ได้ตามเป้าหมาย ตอบโจทย์การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานและการมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ตั้งแต่ระดับองค์กร ระดับประเทศ และโลกได้อย่างยั่งยืน” ดร.จิราพร กล่าว