มองยุคถ่านหินสิ้นสุดในสหราชอาณาจักร
การปิดโรงไฟฟ้าถ่านหินแห่งสุดท้ายในสหราชอาณาจักรเมื่อวันจันทร์ เป็นเหตุการณ์สำคัญที่แทบไม่มีสื่อนำมาเสนอ ทั้งนี้คงเพราะโลกกำลังเผชิญกับภาวะโหดร้ายที่ทำให้คนตายจำนวนมาก โดยเฉพาะสงครามและลมพายุใหญ่ในหลายภาคส่วนของโลก
ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงที่มีความสำคัญยิ่งต่อการดำเนินชีวิตของชาวสหราชอาณาจักร (ประกอบด้วย อังกฤษ สกอตแลนด์ เวลส์และไอร์แลนด์เหนือ) มาเป็นเวลาหลายร้อยปี
ในพื้นที่ใกล้เมืองนิวคาสเซิลของอังกฤษมีการขุดถ่านหินออกมาใช้และขายปริมาณมหาศาล จนทำให้เมืองนั้นเป็นเสมือนเมืองหลวงของถ่านหินและเป็นที่มาของสำนวนเก่าแก่ ซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 15 “Take coal to Newcastle” ซึ่งตรงกับสำนวนไทย “นำมะพร้าวห้าวไปขายสวน”
ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงหลักสำหรับใช้ในการหุงต้มและการทำความอุ่นในอาคารบ้านเรือนในช่วงฤดูหนาวของชาวสหราชอาณาจักร ต่อมาอีกนานก่อนการก่อตั้งโรงไฟฟ้าถ่านหินแห่งแรกเมื่อปี 2425 โดยนักประดิษฐ์นามอุโฆษ “โธมัส เอดิสัน”
ถ่านหินและกระแสไฟฟ้า เป็นปัจจัยสำคัญของการปฏิวัติอุตสาหกรรม ทำให้สหราชอาณาจักรเป็นมหาอำนาจอันยิ่งใหญ่ ที่มีอาณาเขตแผ่ขยายไปทั่วทุกมุมโลกจนเกิดวลี “พระอาทิตย์ไม่ตกดิน”
ในปีเดียวกัน โธมัส เอดิสันได้ก่อตั้งโรงไฟฟ้าถ่านหินแห่งแรกขึ้นในสหรัฐอเมริกา ซึ่งพัฒนาอย่างรวดเร็วจนเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจและการทหารเช่นเดียวกับสหราชอาณาจักร
การขยายตัวอย่างรวดเร็วของความต้องการผลิตภัณฑ์จากโรงงานอุตสาหกรรม และการใช้กระแสไฟฟ้าในอาคารบ้านเรือนของชาวโลก นำไปสู่ความต้องการกระแสไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นเงาตามตัว
การเผาถ่านหินและเชื้อเพลิงฟอสซิลด้วยกัน ได้แก่ น้ำมันปิโตรเลียมและก๊าซธรรมชาติเป็นปัจจัยสำคัญของการผลิตกระแสไฟฟ้าตลอดมา ถึงแม้ว่าจะมีการผลิตจากพลังน้ำ พลังนิวเคลียร์ แสงแดดและแรงลมในเวลาต่อมาก็ตาม
ก่อนการปิดโรงไฟฟ้าถ่านหินแห่งสุดท้ายเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ราว 1 ใน 3 ของกระแสไฟฟ้าในสหราชอาณาจักรได้มาจากการเผาเชื้อเพลิงฟอสซิล
ในบรรดาที่มาของการผลิตกระแสไฟฟ้า การเผาถ่านหินก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นต้นเหตุของภาวะโลกร้อนสูงที่สุด
ฉะนั้น เมื่อชาวโลกประสงค์จะป้องกันมิให้ภูมิอากาศของโลกร้อนขึ้นต่อไป จนทำให้มนุษย์และสัตว์อยู่ยาก การเลิกเผาถ่านหินจึงเป็นเป้าหมายสำคัญของการขจัดต้นเหตุ
สหราชอาณาจักรเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ในระดับมหาอำนาจประเทศแรก ที่สามารถยุติการผลิตกระแสไฟฟ้าจากการเผาถ่านหินได้
แม้เหตุการณ์สำคัญนี้จะเป็นนิมิตรหมายที่ดี แต่มันแทบไม่มีผลทางด้านการลดก๊าซเรือนกระจกในปัจจุบัน ทั้งนี้เพราะประเทศอื่นยังไม่มีทีท่าว่าทำตามอย่างจริงจัง ซ้ำร้ายหลายประเทศยังจะสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเพิ่มขึ้น
โดยเฉพาะมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ เช่น อินเดียยังใช้ถ่านหินผลิตกระแสไฟฟ้าสูงถึง 80% ของการผลิตในประเทศเมื่อปีที่แล้ว ในขณะที่ 60% ของกระแสไฟฟ้าในจีนยังมาจากการเผาถ่านหิน
ด้วยเหตุนี้ เมื่อปีที่แล้ว การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจึงเพิ่มขึ้นกว่า 1% แทนที่จะลดลง ส่งผลให้ความพยายามที่จะยุติการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิบนผิวโลกยากที่จะบรรลุเป้าหมาย
การเกิดพายุใหญ่บ่อยขึ้นและแต่ละครั้งมักร้ายแรงขึ้น เนื่องจากภาวะโลกร้อนเป็นที่ประจักษ์มาสักระยะหนึ่งแล้ว
สิ่งที่เพิ่งประจักษ์เป็นครั้งแรกจากพายุเฮลีนที่ขึ้นฝั่งทางตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้แก่ ความกว้างเป็นประวัติการณ์ของตัวพายุ กล่าวคือ เฮลีนกว้างกว่า 670 กม. ในอดีตพายุที่ขึ้นชายฝั่งในย่านนั้นมีความกว้างสูงสุดเพียง 435 กม.
ยิ่งกว่านั้น เฮลีนยังทำให้เกิดคลื่นยักษ์ที่ทำลายบ้านเรือนห่างจากชายฝั่งมากและนำฝนไปตกหนักจนสร้างความเสียหายร้ายแรงในพื้นที่ห่างไกลเป็นประวัติการณ์อีกด้วย
เหตุการณ์ดังกล่าวน่าจะบ่งชี้ว่า เป้าหมายที่ชาวโลกตั้งไว้จะมิให้โลกร้อนขึ้นไปเกินนั้น "ยาก" ที่จะบรรลุ พื้นที่เสี่ยงต่อการถูกท่วมของน้ำทะเลมีโอกาสถูกท่วมสูงขึ้น และพื้นที่ซึ่งครั้งหนึ่งมองกันว่าไม่น่ามีความเสี่ยงต่อผลกระทบของลมพายุและฝนมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น
การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันและการเตรียมตัวรับมือไว้ให้พร้อม จึงยิ่งมีความสำคัญในยุคการใช้ถ่านหินสิ้นสุดในสหราชอาณาจักร.