ซีพีเอฟ ขาย น้ำมันใช้แล้ว ให้บางจากฯ ผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน

ซีพีเอฟ ขาย น้ำมันใช้แล้ว ให้บางจากฯ ผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน

บางจากฯ จับมือ CPF ร่วมสร้างพลังงานแห่งอนาคต นำน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้วผลิต น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน ในราคาตลาด ลิตรละ 21 บาท โครงการ “ไม่ทอดซ้ำ” และ “ทอดไม่ทิ้ง”

นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ  เปิดเผยภายหลังการลงนามบันทึกความร่วมมือด้านความยั่งยืนทางธุรกิจ กับ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในเรื่องการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืนจากน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้ว  ว่า  ซีพีเอฟมุ่งมั่นนำนวัตกรรม มาพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารที่ดีต่อกายและดีต่อใจ ขณะที่บางจากฯ มีนวัตกรรมที่สามารถนำน้ำมันปรุงอาหาร ที่ใช้แล้วจากกระบวนการผลิต เพื่อผลิตเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน หรือ SAF ซึ่งเป็นการใช้ทรัพยากรอย่างรู้ค่าและหมุนเวียนกลับมาใช้ประโยชน์อย่างสูงสุด ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม 

ซีพีเอฟ ขาย น้ำมันใช้แล้ว ให้บางจากฯ ผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน

สอดคล้องกับแนวคิด Sustainovation ของซีพีเอฟที่นำนวัตกรรมมาช่วยตอบโจทย์ความมั่นคงทางอาหารและการบริโภคอย่างยั่งยืนจึงเกิดความร่วมมือในครั้งนี้ โดยมุ่งเน้นการบริหารจัดการน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้ว (Used Cooking Oil : UCO) รวมถึงไขมันต่าง ๆ จากธุรกิจผลิตอาหาร และไขมันจากบ่อบำบัดน้ำเสียของซีพีเอฟ นำไปผลิตน้ำมัน SAF นอกจากนี้ ยังมีแนวการศึกษาที่อาจมีการขยายผลไปยังธุรกิจของกลุ่มซีพีเอฟในต่างประเทศในอนาคต

“ความร่วมมือในครั้งนี้ จะเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของทั้งสองบริษัท และถือเป็นหนึ่งในการดำเนินการด้านการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ climate action โดยการบริหารการลดของเสียจากกระบวนการผลิตที่จะมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมให้มีมูลค่า ตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างครบวงจร หรือ Circular Economy” 

ซีพีเอฟ ขาย น้ำมันใช้แล้ว ให้บางจากฯ ผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน

ภายใต้ความร่วมมือนี้ บางจากฯ และซีพีเอฟ จะร่วมกันบริหารจัดการการน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้ว รวมถึงไขมันต่าง ๆ จากธุรกิจผลิตอาหารและไขมันจากบ่อบำบัดน้ำเสียของซีพีเอฟและบริษัทในเครือ เพื่อผลิตเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืนเริ่มจากน้ำมันใช้แล้วที่ได้จากธุรกิจในประเทศก่อน หลังจากนั้นจะขยายไปยังธุรกิจต่างประเทศที่ซีพีเอฟได้ลงทุนไว้ 

โดยการแต่ละปี ซีพีเอฟ ส่งออกอาหารปรุงสุกกว่า 1 แสนตัน  ซึ่งหมายถึงมีการใช้น้ำมันพืชจำนวนมาก และไม่ต้องการให้น้ำมันที่ใช้แล้วเหล่านี้หมุนเวียนอยู่ในตลาดหรือมีการนำไปใช้ซ้ำ จะเป็นผลดีต่อสุขภาพของคนไทย การจำหน่ายน้ำมนครั้งนี้จะเป็นไปตามราคาตลาดคือลิตรละ 21 บาท จากโรงงานแปรรูปของซีพีเอฟ ธุรกิจไก่ย่างห้าดาว ร้านเชสเตอร์ รวมไปถึงร้านอาหารอื่นๆ ในเครือ  ปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาตัวเลขปริมาณที่ผลิตได้  

“ ทั้งหมดนี้สอดคล้องกับนโยบายของบริษัทที่ต้องการทำธุรกิจที่ยั่งยืน ใช้เทคโนโลยีต่างๆมาผสมผสานกับพันธมิตรที่มีเป้าหมายตรงกันในการสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้น ” 

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากฯ กล่าวว่า  ซีพีเอฟ ซึ่งเป็นครัวไทยรายใหญ่ที่สุดรายหนึ่งในประเทศ ที่เข้าร่วมโครงการ “ทอดไม่ทิ้ง” เพื่อนำไปผลิต SAF พลังงานแห่งอนาคต นอกจากจะเป็นการสร้างเศรษฐกิจตามแนวทาง BCG แล้ว ยังเป็นการสร้างความร่วมมือที่ครอบคลุมด้าน ESG ซึ่งถือเป็นแกนหลักของความยั่งยืนในปัจจุบัน

 เพราะไม่เพียงแค่ช่วยส่งเสริมในด้านการดำเนินธุรกิจ แต่ยังมีผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมอย่างแท้จริง ถือเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้ทั้งสองบริษัทสามารถขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกและสร้างอนาคตที่ยั่งยืนได้

ซีพีเอฟ ขาย น้ำมันใช้แล้ว ให้บางจากฯ ผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน

ความร่วมมือระหว่างบางจากฯ และซีพีเอฟในครั้งนี้ ช่วยสร้างประโยชน์ในหลายมิติ นอกจากการเพิ่มมูลค่าให้กับของเสียจากกระบวนการผลิตอาหาร ซึ่งเป็นแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียนที่สมบูรณ์แบบ ยังส่งเสริมความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ผ่านการนำน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้วจากร้านอาหารในเครือซีพีเอฟ เช่น เชสเตอร์, ห้าดาว กระทะเหล็ก ข้าวมันไก่ ไห่หนาน ฯลฯ เข้าร่วมโครงการ “ไม่ทอดซ้ำ” และ “ทอดไม่ทิ้ง” 

ซึ่งเป็นโครงการที่ บีเอสจีเอฟร่วมดำเนินการกับพันธมิตรหลักผู้ริเริ่มโครงการ คือ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข มาตั้งแต่ ปี 2565 โดยมีเป้าหมายในการร่วมกันขยายเครือข่ายผู้ประกอบการที่มีความตระหนักในการเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ในการดูแลสิ่งแวดล้อม สร้างคุณภาพชีวิตและสุขภาพที่ดีให้คนไทย

 ปัจจุบันมีหน่วยงานภาคราชการ เอกชน และผู้ประกอบการ ให้ความสนใจเข้าร่วมโครงการและส่งต่อน้ำมันปรุงอาหารเพื่อผลิต SAF มากกว่า 800 จุดทั่วประเทศ ซึ่งการแปรรูปน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้วเป็น SAF จะช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรมการบินให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 80% เมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงการบินแบบดั้งเดิมช่วยตอบโจทย์การแก้ไขวิกฤติสภาวะภูมิอากาศ” 

สำหรับความคืบหน้าของการเตรียมเดินเครื่องหน่วยผลิต SAF ของบีเอสจีเอฟ ในพื้นที่โรงกลั่นน้ำมัน บางจาก พระโขนง ที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง กำลังดำเนินการตามแผนไปประมาณกว่า 70% ณ ปัจจุบัน และจะเริ่มผลิตในช่วงต้นไตรมาสที่ 2 ของปี 2568 ด้วยกำลังการผลิตเริ่มต้น 1 ล้านลิตรต่อวัน

ทั้งนี้สหภาพยุโรป หรืออียู กำหนดให้ใช้น้ำมันอากาศยานยั่งยืนในปี69 อัตรา 1 % เพิ่มขึ้นในปี 2573 อัตรา 7 %  ซืึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของประเทศไทยที่กำหนดให้ใช้น้ำมันอากาศยานยั่งยืน ในปี 69 ในอัตรา 2 %