PEA พัฒนาระบบสมาร์ทกริด รับการเปลี่ยนผ่านพลังงานสะอาด ดันไทยสู่ Net Zero

PEA พัฒนาระบบสมาร์ทกริด รับการเปลี่ยนผ่านพลังงานสะอาด ดันไทยสู่ Net Zero

"PEA" วอนทุกภาคส่วนใช้พลังงานอย่างประหยัด ถือเป็นฟันเฟืองสำคัญช่วยให้ประเทศมุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero เร่งพัฒนาระบบสมาร์ทกริด รับการเปลี่ยนผ่านพลังงานสะอาดรูปแบบใหม่

"กรุงเทพธุรกิจ" จัดงาน "Sustainability Forum 2025: Synergizing for Driving Business" ซึ่งเป็นเวทีสำคัญที่เปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนมาร่วมกันแลกเปลี่ยนกลยุทธ์ และประสบการณ์การดำเนินงานเพื่อความยั่งยืน งานจะจัดขึ้นในวันที่ 3 - 4 ธันวาคม 2567 ตั้งแต่เวลา 08.30 - 17.00 น. ณ พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 สยามพารากอน โดยเน้นย้ำการขับเคลื่อนธุรกิจสู่อนาคตที่ยั่งยืนซึ่งครอบคลุม 3 มิติหลัก ได้แก่ เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

นายประดิษฐ์ เฟื่องฟู รองผู้ว่าการ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือ PEA กล่าวใน Special Talk: PEA Mission of Smart Grid for Cities and Community ว่า  PEA มี Vision คือ Smart Energy for Better Life and Sustainability จึงตอบโจทย์ในสังคมยุคปัจจุบันเรื่องของการใช้พลังงานซึ่งพลังงานเป็นปัจจัยพื้นฐานสำคัญมากในการพัฒนาประเทศ และการใช้ไฟฟ้าของประชาชนในชีวิตประจำวัน 

ดังนั้น สิ่งที่ต้องการที่จะตอบโจทย์ หากย้อนกลับไปช่วง 30 - 50 ปีที่ผ่านมา การผลิตไฟฟ้าผ่านโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ ซึ่ง PEA มีโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ ตามมาด้วยโรงไฟฟ้าถ่านหิน และพัฒนาเป็นโรงไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ เมื่อส่งไฟฟ้ามาทางสายส่งหรือสายจัดจำหน่ายจึงต้องแปลงใช้แรงดันที่เหมาะสมเพื่อใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งปัจจุบันเทคโนโลยีได้ก้าวล้ำไปไกลโดยเฉพาะการสนับสนุนส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดเพื่อลดโลกร้อน และยังนำเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงมาผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้ในบ้านพักอาศัยด้วย

"การพัฒนาเทคโนโลยีให้สามารถผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้ในบ้านพักหรือในโรงงานอุตสาหกรรม สามารถส่งผ่านไปในหลากหลายรูปแบบ เช่น ประเทศอังกฤษได้พัฒนาระบบไฟฟ้าให้มีการเชื่อมต่อเพิ่มไฟสะอาดให้อยู่ในระบบประมาณ 35% ถือว่าเยอะพอสมควร ถ้าเทียบเป็นเมกะวัตต์จะประมาณกว่า 30,000 เมกะวัตต์ ดังนั้น Smart Grid จะต้องมาช่วยบริหารจัดการระบบไฟฟ้าเพื่อให้มีความมั่นคง และมีความปลอดภัยมากยิ่ง"

PEA พัฒนาระบบสมาร์ทกริด รับการเปลี่ยนผ่านพลังงานสะอาด ดันไทยสู่ Net Zero

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันสมาร์ทกริดจะมีฟิวเจอร์ที่ค่อนข้างเยอะมากขึ้น โดยหน้าตาของระบบไฟฟ้าแห่งอนาคตจะเป็นไปตามภาคอุตสาหกรรม ซึ่ง PEA ได้พัฒนาระบบสายส่งในพื้นที่ EEC ที่มีการใช้ไฟฟ้าระดับสูง และอนาคตอันใกล้อาจจะมีในเรื่องของ Direct PPA จะเป็นในมิติของการส่งผ่านพลังงานรูปแบบใหม่

ทั้งนี้ ระบบสายส่งไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ไฟฟ้าที่ยังไม่เสถียรจึงต้องมีระบบกักเก็บพลังงานเพื่อสร้างความมั่นคงมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันยังมีระบบการเชื่อมต่อที่มากมาย ซึ่งปัจจุบันในการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป รวมถึงการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) จะต้องพัฒนาระบบสายส่งมากขึ้น เนื่องจากอนาคตจะมีการซื้อขายพลังงานระหว่างกันเอง ดังนั้นการบริหารจัดการพลังงานรูปแบบใหม่ทั้งภายในบ้านพักอาศัย อาจจะต้องทำใหม่เพื่อใช้ในครัวเรือน เป็นต้น

"อีก 5 - 10 ปีข้างหน้า มีโอกาสที่ว่ากรณีที่ Energy Storage Battery ราคาถูกลง ระบบสมาร์ทกริดจะช่วยสร้างความมั่นคงมากขึ้น ซึ่ง PEA จึงต้องทำ Micro Grid ในหลายๆ พื้นที่รองรับพลังงานสะอาดในหลากหลายรูปแบบ ตอบโจทย์ในเรื่องของคาร์บอไนเซชันซึ่งเป็นนโยบายระดับโลกโดยประเทศไทยจะต้องตอบโจทย์ความเป็นกลางทางคาร์บอนปี 2050"  

ทั้งนี้ PEA จะตอบโจทย์การซื้อขายพลังงานสะอาดระหว่างกันได้ เพื่อให้การซื้อขายไฟสะอาดมีอิสระมากขึ้น อนาคตที่จะเกิดทิศทางโครงข่ายจึงต้องมีระบบสมาร์ทกริดมาช่วยให้ระบบแข็งแรง เพิ่มความสามารถมาทดแทนพลังงานสะอาดตอบโจทย์ความยั่งยืน ดังนั้น เพื่อส่งเสริมความยั่งยืน จึงขอความร่วมมือทุกภาคส่วนช่วยกันส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างประหยัด จะเป็นฟันเฟืองสำคัญในการลดโลกร้อน
 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์