วิจัยพบ ‘อากาศร้อนจัด’ ทำให้ ‘แก่เร็วขึ้น’ 2 ปีครึ่ง เซลล์เสื่อมสภาพ

วิจัยพบ ‘อากาศร้อนจัด’ ทำให้ ‘แก่เร็วขึ้น’ 2 ปีครึ่ง เซลล์เสื่อมสภาพ

ผลการศึกษาวิจัยพบว่า ผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีอากาศร้อนจะเกิดการเปลี่ยนแปลงของระดับเซลล์มากกว่าผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีอากาศเย็นกว่า

KEY

POINTS

  • วิจัย

อากาศร้อนจัด” ส่งผลกระทบที่อันตรายต่อสุขภาพของคนเราได้ จากการเกิดโรคลมแดด โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ ซึ่งอาจรุนแรงแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ แต่คงไม่มีใครคิดว่าอุณหภูมิที่สูงขึ้นจะส่งผลต่อการทำงานในระดับดีเอ็นเอ และทำให้ “แก่เร็วขึ้น

ตามผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนียที่ตีพิมพ์ในวารสาร Science Advances ทำการวิเคราะห์ผู้สูงอายุในสหรัฐจำนวนกว่า 3,600 คน โดยมีอายุเฉลี่ย 68 ปี พบว่า “คลื่นความร้อน” และอุณหภูมิที่สูงขึ้นจาก “การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” อาจส่งผลต่อดีเอ็นเอของผู้คนและเร่งการแก่ชราทางชีววิทยา 

ผู้ที่อาศัยอยู่ในบริเวณที่มักเกิดความร้อนจัด ซึ่งมีอุณหภูมิสูงกว่า 32 องศาเซลเซียส มีแนวโน้มจะแก่ชราเร็วขึ้นในระดับโมเลกุล เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่เย็นกว่า โดยบุคคลที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิสูงกว่า 32 องศาเซลเซียส เป็นเวลาอย่างน้อย 140 วันในหนึ่งปี อาจแก่ชราเร็วกว่าบุคคลที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีวันที่ร้อนจัดน้อยกว่า 10 วันต่อปีถึง 14 เดือน

“การที่คุณอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีวันที่อากาศร้อนมากกว่า หมายความว่าคุณแก่เร็วขึ้นทางชีววิทยา” ดร.ชเว อึน ยอง ผู้ช่วยนักวิจัย และผู้ร่วมทำการศึกษา กล่าว

นอกจากความร้อนจะทำให้มนุษย์ป่วยหรือเสียชีวิตได้โดยตรงแล้ว ความร้อนยังส่งผลกระทบในระยะยาวอีกด้วย การสัมผัสความร้อนต่อเนื่องเป็นเวลานานจะทำให้ร่างกายเกิดความเครียดและทำงานได้น้อยลง เร่งให้ร่างกายแก่ชราเร็วขึ้น ซึ่งส่งผลให้เกิดโรคและความพิการตามมาได้

เพื่อทำการศึกษานี้ นักวิจัยได้เก็บตัวอย่างเลือดและวัดการเปลี่ยนแปลงทางเอพิเจเนติกส์ที่ตำแหน่งต่าง ๆ หลายพันตำแหน่งทั่วจีโนม เพื่อใช้ในการคำนวณ “นาฬิกาเอพิเจเนติกส์” (Epigenetic Clock) ที่เป็นการวัดอายุของเซลล์ทางชีววิทยา 3 ชนิด ได้แก่ PcPhenoAge, PCGrimAge และ DunedinPACE จากนั้นพวกเขาจึงดูการประมาณอายุเหล่านี้ควบคู่ไปกับข้อมูลสภาพอากาศรายวันเป็นเวลา 6 ปี ตั้งแต่ปี 2010-2016 และเปรียบเทียบข้อมูลเหล่านี้ในแต่ละพื้นที่

นาฬิกาเอพิเจเนติกส์เป็นการวัดการเปลี่ยนแปลงทางชีวภาพ ซึ่งสามารถทำนายความเสี่ยงการเกิดโรคในอนาคต หรือการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับวัยชราได้ และบอกว่าร่างกายทำงานได้ดีเพียงใดในระดับโมเลกุลและเซลล์

ผลกระทบของความร้อนที่มีต่อเซลล์ชัดเจนในนาฬิกาชีวภาพทั้งสามแบบ การสัมผัสกับความร้อนจัดเป็นเวลานานขึ้นทำให้มีอายุทางชีวภาพเพิ่มขึ้น 2.48 ปีในช่วงระยะเวลา 6 ปีของการศึกษา นั่นคือ แทนที่ร่างกายของผู้ทำการทดลองจะแก่ตัวลง 6 ปีเท่ากับระยะเวลาทำการศึกษา แต่ความร้อนอาจทำให้ร่างกายของพวกเขาแก่ตัวลงได้ถึง 8.48 ปี

การแก่ก่อนวัยทางชีววิทยาแตกต่างจากการเสื่อมสภาพตามอายุ เพราะถึงแม้ว่าอายุจะถูกกำหนดตามจำนวนปีที่มีชีวิตอยู่ แต่การแก่ก่อนวัยทางชีววิทยาเป็นการสะท้อนถึงระดับความเร็วในการเสื่อมของเซลล์และเนื้อเยื่อของแต่ละบุคคล

จำนวนดีเอ็นเอจะคงที่ตั้งแต่แรกเกิด แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือการแสดงออกของยีน โดยเซลล์จะเปิดหรือปิดยีนบางส่วนจากจำนวนหลายพันยีน เพื่อตอบสนองต่อความเครียดจากปัจจัยภายนอก เช่น ความเครียดหรือมลภาวะ ซึ่งสามารถกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระดับโมเลกุล และส่งผลต่อการทำงานของยีน

การเปลี่ยนแปลงในเซลล์นี้อาจทำให้มีการผลิตโปรตีนมากขึ้นหรือน้อยลง โดยสามารถส่งผลต่อการทำงานทางสรีรวิทยาและสุขภาพได้ ในกรณีที่ส่งผลดีก็ดีไป แต่ถ้าเกิดผลเสียอาจส่งลต่ออัตราการแก่ชราได้เช่นกัน

การวิจัยชิ้นนี้ถือเป็นการวิเคราะห์ระดับประชากรครั้งแรก ที่ทำให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างการสัมผัสอากาศความร้อนและการแก่ชราตามพันธุกรรมในมนุษย์ และความสัมพันธ์ของทั้งสองปัจจัยนี้ยังคงอยู่ แม้ว่านักวิจัยจะคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ เช่น การออกกำลังกาย การดื่มแอลกอฮอล์ และการสูบบุหรี่แล้วก็ตาม

ทั้งนี้ ผู้เขียนระบุว่าการสัมผัสความร้อนเชื่อมโยงกับความแก่ชรา แต่เน้นย้ำว่าไม่มีข้อมูลเพียงพอที่จะสรุปได้อย่างชัดเจนว่า การได้รับความร้อนเป็นสาเหตุของการแก่ชราเร็วขึ้น และอาจจะมีปัจจัยอื่น ๆ รวมด้วย เพราะการศึกษานี้ไม่ได้วิเคราะห์ไม่ได้มีรายละเอียดเกี่ยวกับปัจจัยของแต่ละบุคคล เช่น พวกเขามีเครื่องปรับอากาศหรือใช้เวลาส่วนใหญ่ในอาคารหรือไม่

เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าอุณหภูมิที่สูงเกินไปจะทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้ เช่น โรคลมแดด แต่การศึกษาชิ้นนี้ยิ่งย้ำเตือนว่าการอาศัยอยู่ในพื้นที่ร้อนจัดจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงการเกิดโรคต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจ สมรรถภาพการรับรู้ลดลงในกลุ่มผู้สูงอายุ อีกทั้ง ความเครียดจากความร้อนอาจกระตุ้นให้เกิดการอักเสบและความเสียหายต่อเซลล์มากขึ้น ส่งผลให้แก่เร็วกว่าเดิม

การศึกษานี้เกิดขึ้นในขณะที่การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศรุนแรงขึ้น จนทำให้เกิดความร้อนจัดบ่อยครั้งและรุนแรงขึ้นกว่าเดิมทั่วโลก มีวันที่ร้อนจัดเพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา และคลื่นความร้อนในปัจจุบันกินเวลานานขึ้นและครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น

ปี 2024 เป็นปีที่ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ เมืองต่าง ๆ ทั่วโลกต่างมีอุณหภูมิสูงสุดทำลายสถิติเป็นว่าเล่น คลื่นความร้อนในยุโรป อเมริกาเหนือ และเอเชีย ทำให้ผู้คนเสียชีวิตหลายหมื่นรายในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

นักวิทยาศาสตร์เตือนว่าหากไม่มีการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างจริงจัง ความร้อนจัดจะกลายเป็นภัยคุกคามรุนแรงต่อสุขภาพของประชาชนยิ่งขึ้น โดยเฉพาะผู้สูงอายุมีความเสี่ยงเป็นพิเศษ เนื่องจากร่างกายไม่สามารถควบคุมอุณหภูมิอย่างมีประสิทธิภาพ และไม่สามารถต้านทานความเครียดและสิ่งแวดล้อมภายนอกได้น้อยลง

ยิ่งปัจจุบัน โลกเข้าสู่สังคมผู้สังคมอายุเพิ่มมากขึ้น ประเทศต่าง ๆ จำเป็นต้องมีมาตรการสำหรับปกป้องและดูแลสุขภาพพลเมืองจากการสัมผัสกับความร้อนที่รุนแรงและยาวนานอย่างไร


ที่มา: IndependentThe ConversationThe New York Times