สนพ.ชี้พลังงานหมุนเวียนไม่เสถียร SMR เป็นทางรอดตอบโจทย์ Net Zero

สนพ.ชี้พลังงานหมุนเวียนไม่เสถียร SMR เป็นทางรอดตอบโจทย์ Net Zero

"สนพ." ระบุการเปลี่ยนผ่านพลังงานต้องดูความยั่งยืน เผยพลังงานหมุนเวียนยังไม่เสถียร เมื่อเกิดภัยพิบัติ "SMR" เป็นทางรอดตอบโจทย์การลดคาร์บอน สู่เป้า Net Zero

"กรุงเทพธุรกิจ" จัดงานเสวนาโต๊ะกลมหัวข้อ “SMR ทางเลือก หรือ ทางรอด GREEN ENERGY” วันที่ 18 มี.ค.2568 ที่โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ โดยมีผู้เชี่ยวชาญจากภาครัฐ เอกชน และนักวิชาการ ร่วมแสดงความคิดเห็นในหลายแง่มุมเกี่ยวกับการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ขนาดเล็ก (Small Modular Reactor: SMR)

นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า ทิศทางพลังงานต้องหาเทคโนโลยีเพื่อการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน โดยเทคโนโลยี SMR จะเป็นอีกโจทย์ที่เป็นทางเลือก และเมื่อการคำนึงด้านสิ่งแวดล้อมเข้ามา การใช้พลังงานหมุนเวียนปัจจุบันอยู่ระดับ 10% จากกฏกติการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

โดยประเทศไทยได้สัญญาเพื่อร่วมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากเวที COP26 จึงปรับเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนปีค.ศ. 2050 และ Net Zero ปีค.ศ. 2065 ตามบริบทไทย ซึ่งเอกชนอาจมองว่าช้าไปหรือไม่ ดังนั้น การเตรียมการเพื่อลดคาร์บอนจึงต้องทำทุกรูปแบบ ถือเป็นเรื่องที่กระทรวงพลังงาน และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จะต้องทบทว

นอกจากนี้ สิ่งสำคัญสุดคือการผลิตไฟฟ้าได้ปล่อยคาร์บอนถึง 70% การจะบรรลุเป้าหมายจะต้องมีเทคโนโลยีคาร์บอนต่ำเข้ามา ดังนั้น ตัวเลือก SMR จะเป็นอีกทางเลือก เมื่อเทคโนโลยีปัจจุบันแตกต่างกับที่ใช้ในโรงไฟฟ้าปัจจุบัน ซึ่งมีความปลอดภัยสูงขึ้นจึงเป็นตัวเลือกสำคัญ เมื่พิจารณาพลังงานจากแสงแดด ลม และแบตเตอรี่อาจทำให้ไฟไม่เสถียรในกรณีที่เกิดภัยพิบัติอาจจะเสี่ยงทำให้ไม่มั่นใจ 100% 

ทั้งนี้ การศึกษาเทคโนโลยีจึงต้องมีความมั่นคงมาเกี่ยวข้อง ซึ่ง SMR จะช่วยเพิ่มสัดส่วนไฟสะอาดมากกว่า 50% ตามแผน PDP ที่ปัจจุบันเป็นโซลาร์ ลม ซึ่งการต้องพึ่งพาอะไรมากไปก็ไม่ดี ดังนั้น SMR จึงจำเป็นเพราะใช้พื้นที่น้อยลงมีความปลอดภัยมากกว่าในอดีต สามารถผลิตและติดตั้งจากโรงงานได้

"SMR จะเป็นทางออกและทางรอดเพื่อมาตอบโจทย์กรีน ซึ่งต้องการคาร์บอนต่ำและเสถียรสามารถผลิตไฟได้ตลอด 24 ชั่วโมง ใน 7 สามารถช่วยผสมผสานโรงไฟฟ้าปัจจุบันให้ไทยไปสู่เป้าหมาย Net Zero

สำหรับร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ (PDP) จากการบรรจุ SMR จำนวน 600 เมกะวัตต์ ปี 2580 ระหว่างรับฟังความเห็นปีที่ผ่านมา ภาคเอกชนตอบรับดีมาก หลังจากเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2007-2015 จากการบรรจุแผนโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 5 โรงจำนวน 5 พันเมะวัตต์ จากปัญหาญี่ปุ่นจึงขยับไป และกฟผ.ได้มีบทเรียนโรงไฟฟ้าถ่านหิน เมื่อถ่านหินใช้ไม่ได้ นิวเคลียร์จึงกลับมา ดังนั้น SMR จึงต่อยอดจุดอ่อนทั้งหมดออก ดังนั้น ในช่วง 10 ปีนี้จะเป็นช่วงเตรียมความพร้อม เตรียมการเพื่อให้เกิด

"อีกสิ่งที่ต้องเลือกคือเทคโนโลยี ซึ่งมีอเมริกา ฝรั่งเศส และจีน ถือเป็นประเทศชั้นนำในโลกที่สนใจเทคโนโลยี เรามีเวลาที่จะเลือกเทคโนโลยีที่ดีที่สุดให้ประเทศไทย ซึ่งในแผน PDP คือการส่งสัญญาณการลงทุน การเตรียมความพร้อมเป็นอีกทางเลือกที่เป็นทางรอดตอบโจทย์ความมั่นคง ราคา และมาตรฐานของกระทรวงพลังงาน"